Monday, December 20, 2010

PPR PIPE WELDING MACHINE



PPR PIPE SYSTEM



INTRODUCE PPR PIPE

 

FIXING PPR PIPE


PPR PIPE WELDING MACHINE


Wednesday, December 15, 2010

ท่อ PP-R


          PRC ENGINEERING รับออกแบบและติดตั้งท่อ PP-R ซึ่งท่อ PP-R นั้นมีความเหมาะสมที่จะใช้ตาม บ้าน, อาคารและโรงงานทั่วไปได้ เพราะมีความแข็งแรงกว่าโลหะ (ติดตั้งอย่างถูกวิธี) และระยะเวลาการใช้งานยาวนานกว่าประมาณ 50 ปี ปัจจุบันท่อ PP-R เริ่มมีใช้แพร่หลายทั้งในอุตสาหกรรมและบ้านพักอาศัย นอกจากนี้ข้อดีของท่อ PP-R นั่นก็คือ เป็นท่อที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม น้ำที่ผ่านท่อ PP-R จะไม่มีสิ่งปนเปื้อน เช่น สนิม เพราะน้ำจะไม่สามารถทำปฎิกิริยากับท่อให้กลายเป็นสนิมได้ ดังนั้น ท่อ PP-R น่าจะเหมาและเป็นทางเลือกที่ใหม่ และ ดีสำหรับผู้ที่ต้องการเปลี่ยนระบบประปา หรือ ติดตั้งระบบประปาใหม่ในโครงการอาคารสูงต่าง ๆ

Sunday, November 14, 2010

การหาพลังงานทดแทน

          โลกปัจจุบัน เป็นโลกที่มีการใช้พลังงานมหาศาล เพื่อดำรงการมีชีวิตอยู่ของมนุษย์เรา ดังนั้น พลังงานต่าง ๆ ที่มนุษย์นำมาใช้นั้น เช่น พลังงานถ่านหิน, พลังงานน้ำมัน, พลังงานก๊าซธรรมชาติ เป็นต้น นั้นจึง เป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้เกิดพลังงานที่ลดน้อยถอยลงไปตามกาลเวลา จากที่กล่าวมาแล้วข้างต้น พลังงาน เป็นสิ่งจำเป็นอันดับต้น ๆ ของการดำรงการมีชีวิตอยู่ในโลกปัจจุบัน เมื่อเทคโนโลยีก้าวหน้าขึ้นการใช้พลังงานก็มากขึ้นเป็นเงาตามตัว ดังนั้น จึงเกิดความจำเป็นที่จะต้องเสาะแสวงหาพลังงานทางเลือกใหม่ ๆ เพื่อให้มนุษย์สามารถนำพลังงานเหล่านั้นมาใช้ให้เกิดประสิทธิภาพที่สูงที่สุด เช่น พลังงานจากชีวมวล (พืชผลทางการเกษตร), พลังงานพระอาทิตย์, พลังงานลม และอื่น ๆ อีกมากมาย
          พลังงานทางเลือกต่าง ๆ แบ่งแยกออกเป็นประเภท ดังต่อไปนี้
  • พลังงานแสงอาทิตย์
  • พลังงานลม
  • พลังงานชีวมวล
  • พลังงานคลื่นน้ำ เป็นต้น
          พลังงานแสงอาทิตย์ หมายถึง การนำแสงอาทิตย์มาเปลี่ยนเป็นพลังงานไฟฟ้าผ่านวัสดุที่เรียกว่า SOLAR CELL ซึ่ง SOLAR CELL เป็นอุปกรณ์เพื่อทำการเปลี่ยนพลังงานแสงอาทิตย์มาเป็นพลังงานไฟฟ้า ปัจจุบัน SOLAR CELL ได้ถูกพัฒนาไปมาก เพื่อการตอบสนองการใช้งานพลังงานสะอาดที่เพิ่มมากยิ่งขึ้นทุก ๆ วัน SOLAR CELL มีหลากหลายประเภท ในประเทศไทยก็มีการใช้พลังงานจากแสงอาทิตย์ (SOLAR ENERGY) หลากหลายโครงการในประเทศ เช่น บนภูเขา, หน่วยงานราชการต่าง ๆ เป็นต้น
         
         พลังงานลม หมายถึง การนำลมจากธรรมชาติมาเพื่อผลิตกระแสไฟฟ้า ซึ่งรู้เป็นอย่างดีกันแล้วว่าพลังงานลมในประเทศไทย มีความเหมาะสมสำหรับการผลิตกระแสไฟฟ้า นั้นจึงเป็นอีกเหตุผลหนึ่งที่เราจะเลือกพลังงานลมเป็นทางเลือกในการผลิตกระแสไฟฟ้าที่ดีได้ต่อไปในอนาคต

          พลังงานชีวมวล หมายถึง การนำผลผลิตที่เหลือใช้ทางการเกษตรนำมาผลิตเป็นพลังงานไฟฟ้าหรือเป็นเชื้อเพลิง ซึ่งการผลิตพลังงานจากชีวมวล นั้นก็เกิดขึ้นมานานแล้วในประเทศไทย ตัวอย่างที่คนไทยทั้งประเทศทราบนั้นก็คือ น้ำมันไบโอดีเซล จากโครงการพระราชดำริ ในพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เป็นต้น ซึ่งในปัจจุบันประเทศไทยก็เริ่มมีงานวิจัยต่าง ๆ เพื่อนำผลิตเป็นพลังงานได้ต่อไปในอนาคต

          พลังงานคลื่นน้ำ หมายถึง การนำพลังงานคลื่นจากมหาสมุทรมาผลิตพลังงานไฟฟ้า ซึ่งไม่ใช่วิธีใหม่ในการนำมาผลิตกระแสไฟฟ้าในโลกปัจจุบัน ตัวอย่างเช่น  Pelamiswave ส่วนในประเทศไทย ยังไม่มีใครนำพลังงานคลื่นทะเลหรือมหาสมุทรมาผลิตกระแสไฟฟ้า เพราะคลื่นในประเทศไทย อาจจะยังไม่มีกำลังพอเพื่อนำมาผลิตกระแสไฟฟ้า แต่คิดว่าในอนาคตอาจจะนำมาผลิตกระแสไฟฟ้าได้ ซึ่งที่เหมาะสมสำหรับการนำคลื่นมาผลิตกระแสไฟฟ้า เช่น จังหวัดที่อยู่ทางภาคใต้ (ประจวบคีรีขันธ์ เป็นต้น), ภาคตะวันออก (ชลบุรี, ระยอง, จันทบุรี เป็นต้น)

Wednesday, November 3, 2010

PRC ENGINEERING ให้เช่าเครื่องจักรหนัก


          PRC ENGINEERING มีเครื่องจักรสำหรับงานก่อสร้างต่าง ๆ หลากหลายประเภท เช่น รถดันดิน, รถบดถนน, รถเกรดดิน, รถขุด และรถตัก เป็นต้น นอกจากนั้นทาง  PRC ENGINEERING ยังมีบริการซ่อมเครื่องจักรกลหนักสำหรับงานก่อสร้างอีกด้วย ถ้าต้องการข้อมูลเพิ่มเติมโปรดติดต่อ prcconstruction1975@gmail.com ขอบคุณครับ

รับเหมางานเชื่อมท่อเหล็ก

PRC ENGINEERING รับเหมางานเชื่อมท่อเหล็กและติดตั้ง เช่น ท่อสปริงเกอร์น้ำ, ท่ออาคาร, ท่อแอร์, ท่อประปา เป็นต้น เนื่องจากทาง  PRC ENGINEERING มีอุปกรณ์การเชื่อมท่อที่เหมาะสมสำหรับงานเชื่อมท่อเหล็กอัตโนมัติ โดยเครื่องเชื่อมท่ออัตโนมัติมีคุณสมบัติดังต่อไปนี้


  • สามารถเชื่อมท่อเหล็กขนาดเส้นผ่าศูนย์กลางตั้งแต่ 2 นิ้ว - 2 เมตร
  • สามารถเชื่อมด้วยลวดเชื่อมต่อเนื่องขนาด 1.2 มิลลิเมตร
  • สามารถรับงานเชื่อมท่อเหล็กทุกประเภท
  • สามารถเชื่อมงานแบบอัตโนมัติได้
  • สามารถควบคุมหัวเชื่อมได้ด้วยระบบอัตโนมัติ
  • สามารถเชื่อมท่อเหล็กได้ครั้งละ 6 มิลลิเมตร และความหนาเหล็กสูงสุด 22 มิลลิเมตร
  • สามารถเคลื่อนที่เครื่องเชื่อมไปได้ตามแนวท่อเหล็ก
  • สามารถกำหนดความเร็วการเชื่อมได้
  • สามารถเปลี่ยนหัวเชื่อมเป็นชนิด MIG, TIG, GAS และ PLASMA ได้ทันที
  • สามารถตรวจสอบแนวเชื่อมอัตโนมัติผ่านเซนเซอร์ได้

Sunday, October 10, 2010

รับออกแบบและสร้างบ้าน

PRC ENGINEERING  เป็นทีมงานที่มีความชำนาญด้านการออกแบบและการสร้างบ้านที่อยู่อาศัย โดยทีมงานมีวิศวกรที่ชำนาญด้านต่าง ๆ ดังต่อไปนี้
  • วิศวกรโยธา ทำหน้าทีี่ ออกแบบและควบคุมงานด้านการก่อสร้างทั้งหมด
  • วิศวกรไฟฟ้า ทำหน้าที่ ออกแแบบและควบคุมการติดตั้งระบบไฟฟ้าและการสื่อสารทั้งหมด
  • วิศวกรเครื่องกล ทำหน้าที่ ออกแบบและควบคุมการติดตั้งระบบปรับอากาศทั้งหมด
ทาง  PRC ENGINEERING ได้จัดทำบริการเพื่ิอการก่อสร้างบ้านมีดังต่อไปนี้
  • ออกแบบบ้านตามความต้องการของลูกค้าหรือลูกค้าสามารถจัดหาแบบมาให้
  • ลูกด้าสามารถจัดหาวัสดุตามความต้องการได้
  • การเบิกค่าใช้จ่าย ค่าแรง ครั้งแรก 40% ของมูลค่างานทั้งหมด ตามสัญญาที่ตกลง
  • การเบิกค่าใช้จ่าย ค่าแรง ครั้งที่สอง 30% ของมูลค่างานทั้งหมด ตามสัญญาที่ตกลง
  • การเบิกค่าใช้จ่าย ค่าแรง ครั้งสุดท้าย 30% ของมูลค่างานที่เหลือ ตามสัญญาที่ตกลง 
ตัวอย่าง ระยะเวลาการก่อสร้างบ้าน 1 - 2 ชั้น พื้นที่ใช้สอยประมาณ 45 - 100 ตร.ม.
  • การทำงานฐานรากระยะเวลาประมาณ 5 - 10 วัน ในสภาพพื้นที่และอากาศปกติ
  • การทำงานโครงสร้างบ้านระยะเวลาประมาณ 15 - 20 วัน ในสภาพพื้นที่และิอากาศปกติ
  • การทำงานสาธารณูปโภคต่าง ๆ เช่น ประปา, ไฟฟ้า, บำบัดน้ำเสีย, หลังคา ระยะเวลาประมาณ 10 - 25 วัน
  • ตรวจสอบโครงการและส่งมอบงานประมาณ 5 - 10 วัน
  • หมายเหตุ: ทุกขั้นตอนการทำงานและระยะเวลาของโครงการนั้น ๆ ขึ้นอยู่กับความเห็นของวิศวกรโครงการและเจ้าของโครงการ
ตัวอย่าง รายละเอียดต้นทุนการสร้างบ้านพักอาศัยขนาด 1 - 2 ชั้น และระยะเวลาการดำเนินงานก่อสร้าง
  • งบประมาณก่อสร้างบ้านอยู่ระหว่าง 500,000 - 800,000 บาท
    • ลักษณะบ้านพักอาศัย จำนวน 1 ชั้น
    • พื้นที่บ้านพักอาศัยจำนวน 1 ชั้น ประมาณ 45 ตร.ม - 65 ตร.ม.
    • ห้องน้ำ จำนวน 1 - 2 ห้อง
    • ห้องครัว จำนวน 1 ห้อง
    • ห้องนอน จำนวน 1 - 2 ห้อง
    • ห้องรับแขก จำนวน 1 ห้อง
    • ที่จอดรถ จำนวน 1 แห่ง (เหมาะสำหรับบ้านที่ทีพื้นที่ประมาณ 60 ตร.ม ขึ้นไป)
    • หมายเหตุ: ราคานี้อาจจะมีการเปลี่ยนแปลงได้ขึ้นอยู่กับวัสดุที่เลือกใช้และราคาวัสดุก่อสร้าง ณ ขณะนั้น
    • หมายเหตุ: ราคาเหล่านี้ไม่รวมเฟอร์นิเจอร์และอุปกรณ์ตกแต่งภายในบ้านใด ๆ ทั้งสิ้น
    • หมายเหตุ: ราคาเหล่านี้รวมเฉพาะโครงสร้างบ้าน, ระบบประปา, ระบบไฟฟ้า เท่านั้น
    • หมายเหตุ: ราคาเหล่านี้ไม่รวมค่าขอสาธารณูปโภคทั้งหมด
    • หมายเหตุ: ราคาเหล่านี้ไม่รวมภาษีใด ๆ ทั้งสิ้น
    • หมายเหตุ: ราคาเหล่านี้ไม่รวมงานภูมิสถาปัตถ์ภายนอกบ้านใด ๆ ทั้งสิ้น
    • หมายเหตุ: ราคาเหล่านี้ไม่รวมค่าขอเอกสารใด ๆ ที่จำเป็นจากทางราชการทั้งสิ้น
    • หมายเหตุ: ราคาเหล่านี้ไม่รวมค่าออกแบบบ้านและแปลนเอกสารบ้านใด ๆ ทั้งสิ้น
    • หมายเหตุ: ราคาเหล่านี้สำหรับปลูกในพื้นที่ไม่มีความเสี่ยงจากภัยพิบัติทางธรรมชาติ, ใกล้ลมทะเลหรือพื้นที่มีความเป็นเกลือสูง (เพราำำะใช้วัสดุต่างกัน)
    •  หมายเหตุ: กรุณาอ่านเงื่อนไขก่อนตกลงเสมอ

  • งบประมาณก่อสร้างบ้านอยู่ระหว่าง 900,000 - 1,500,000 บาท
    • ลักษณะบ้านพักอาศัย จำนวน 2 ชั้น
    • พื้นที่บ้านพักอาศัยจำนวน 1 ชั้น ประมาณ 80 ตร.ม - 100 ตร.ม.
    • ห้องน้ำ จำนวน 1 - 2 ห้อง
    • ห้องครัว จำนวน 1 ห้อง
    • ห้องนอน จำนวน 1 - 3 ห้อง
    • ห้องรับแขก จำนวน 1 ห้อง
    • ห้องทำงาน จำนวน 1 ห้อง
    • เฉลียง จำนวน 1 จุด
    • ที่จอดรถ จำนวน 1 แห่ง (เหมาะสำหรับบ้านที่ทีพื้นที่ประมาณ 60 ตร.ม ขึ้นไป)
    • หมายเหตุ: ราคานี้อาจจะมีการเปลี่ยนแปลงได้ขึ้นอยู่ กับวัสดุที่เลือกใช้และราคาวัสดุก่อสร้าง ณ ขณะนั้น
    • หมายเหตุ: ราคาเหล่านี้ไม่รวมเฟอร์นิเจอร์และอุปกรณ์ตกแต่งภายในบ้านใด ๆ ทั้งสิ้น
    • หมายเหตุ: ราคาเหล่านี้รวมเฉพาะโครงสร้างบ้าน, ระบบประปา, ระบบไฟฟ้า เท่านั้น
    • หมายเหตุ: ราคาเหล่านี้ไม่รวมค่าขอสาธารณูปโภคทั้งหมด
    • หมายเหตุ: ราคาเหล่านี้ไม่รวมภาษีใด ๆ ทั้งสิ้น
    • หมายเหตุ: ราคาเหล่านี้ไม่รวมงานภูมิสถาปัตถ์ภายนอกบ้านใด ๆ ทั้งสิ้น
    • หมายเหตุ: ราคาเหล่านี้ไม่รวมค่าขอเอกสารใด ๆ ที่จำเป็นจากทางราชการทั้งสิ้น
    • หมายเหตุ: ราคาเหล่านี้ไม่รวมค่าออกแบบบ้านและแปลนเอกสารบ้านใด ๆ ทั้งสิ้น
    • หมายเหตุ: ราคาเหล่านี้สำหรับปลูกในพื้นที่ไม่มีความเสี่ยงจากภัยพิบัติทางธรรมชาติ, ใกล้ลมทะเลหรือพื้นที่มีความเป็นเกลือสูง (เพราำำะใช้วัสดุที่ต่างกัน)
    • หมายเหตุ: กรุณาอ่านเงื่อนไขก่อนตกลงเสมอ

    Monday, September 20, 2010

    PRC ENGINEERING SERVICES

    งานเกี่ยวกับที่พักอาศัย มีดังต่อไปนี้
    • รับออกแบบและสร้างบ้าน (รับค่าแรงอย่างเดียวได้)
    • รับออกแบบและสร้างโรงงาน (รับค่าแรงอย่างเดียวได้)
    • รับออกแบบและสร้างอพาร์ทเมนส์ (รับค่าแรงอย่างเดียวได้)
    • รับออกแบบและสร้างโรงแรม (รับค่าแรงอย่างเดียวได้)
    • รับออกแบบและสร้างรีสอร์ท (รับค่าแรงอย่างเดียวได้)
    งานเกี่ยวกับสาธาณะประโยชน์ มีดังต่อไปนี้
    • รับเหมาทำถนนต่าง ๆ (รับค่าแรงอย่างเดียวได้)
    • รับเหมาขุด - ลอกคลอง (รับค่าแรงอย่างเดียวได้)
    งานเกี่ยวกับการเช่า - ซื้อ
    • ให้เช่ารถแบ็คโฮ (สอบถามราคา)
    • ให้เช่ารถขุด (สอบถามราคา)
    • ให้เช่ารถหัวเจาะ เป็นต้น (สอบถามราคา
    งานเกี่ยวพลังงานสะิอาด
    • รับออกแบบและติดตั้งโซลาร์เซลล์ (รับค่าแรงอย่างเดียวได้
    • รับออกแบบและติดตั้งพลังงานลม (รับค่าแรงอย่างเดียวได้)

      Thursday, September 9, 2010

      บ้านประหยัดพลังงาน (ECO-HOUSE)

                บ้านประหยัดพลังงาน (ECO-HOUSE) หมายถึง บ้านที่ประกอบไปด้วยวัสดุที่สามารถช่วยลดความร้อนภายในบ้านได้มากที่สุดเท่าที่เป็นไปได้ โดยนอกจากวัสดุก่อสร้างบ้านแล้วยังเกี่ยวข้องกับการออกแบบที่เหมาะสมกับสภาพภูมิอากาศสำหรับประเทศไทยอีกด้วย วันนี้เทคโนโลยีการสร้างบ้านประหยัดพลังงาน เป็นไปได้แล้วด้วย เทคโนโลยีโฟมคอนกรีต
                บ้านประหยัดพลังงาน ควรจะมีคุณสมบัติ ดังต่อไปนี้

      • ลด ค่าแรงจากการก่อสร้างได้มากว่า 50%
      • ลดค่าไฟจากการใช้แอร์ได้ 30% 
      • ลดอุณภูมิระหว่างภายนอกบ้านกับภายในบ้านได้สูงสุดถึง 21 องศาเชลเซียส 
      • เป็นฉนวนกันความร้อนที่ ดีที่สุดเมื่อเปรียบเทียบจากราคากับวัสดุฉนวนอื่นๆ 
      • มีคุณสมบัติฉนวนกันความร้อนที่ดี คือรักษาความเย็นไม่ให้ออกความร้อนไม่ให้เข้า 
      • ช่วยลดพลังงานโดยรวมได้ 4 เท่า 
      • อัตราการนำความร้อนต่ำ (0.038w/mk) ดีกว่าอิฐมอญ8เท่า ดีกว่าอิฐมวลเบา 4 เท่า
      • เป็นฉนวนกันเสียงได้ดีมาก เพราะลดการเดินทางของเสียงลงได้ถึง 70% 
      • มีความทนทานเท่าซีเมนต์ เพราะใช้ร่วมกับซีเมนต์ 
      • มีความแข็งแรงสามารถรับแรงได้ 49 กก./ตรซม. 
      • สามารถใช้ปูนซีเมนต์ชนิดใดก็ได้มาฉาบผิวโดยไม่จำเป็นต้องใช้ปูนฉาบราคาแพงอย่างที่ใช้กับอิฐมวลเบาทั่วไป 
      • มีน้ำหนักเบาทำให้โครง สร้างโดยรวมมีขนาดเล็กลง 
      • เมื่อมีน้ำหนักที่เบาแต่แข็งแรงทำให้ไม่เกิดการทรุดตัว จึงไม่จำเป็นต้องใช้เสาเข็ม เมื่อใช้สร้างบ้านชั้นเดี่ยวหรือสองชั้น 
      • ติดตั้งง่ายและรวดเร็วกว่าการก่อสร้างทั่วไปถึง 75% 
      • สามารถตัดแบ่งให้ได้ ขนาดตามที่ต้องการเพียงแค่ใช้เลื่อยธรรมดาตัด 
      • ไม่ชื้นไม่ซึมน้ำ 
      • ป้องกันการรั่วซึมเป็นอย่างดี 
      • สามารถตอกตะปูได้โดยผนังไม่เป็นรูกลวง 
      • ไม่ทำให้เหล็กที่อยู่ในซีเมนต์เป็นสนิม 
      • ทนต่อกรดและด่าง 
      • ทนความร้อนและไม่ลามไฟเมื่อใช้ร่วมกับซีเมนต์ 
      • ป้องกัน แมลง,มด,หนูเข้ามาอยู่อาศัย 
      • ไม่เป็นแหล่งสะสมของ เชื้อโรค ปลอดภัยสำหรับผู้ที่เป็นโรคภูมิแพ้ 
      • ทนต่อการสั่นสะเทือนแบบรุนแรง เช่น แผ่นดินไหว เป็นต้น 
      • ช่วยรับการขยายตัวของซีเมนต์เมื่อซีเมนต์โดนความร้อน เช่น แสงแดด 
      • เป็นวัสดุที่ใช้ได้ทุกส่วนในการก่อสร้าง บ้านตั้งแต่หลังคา,ฝาผนังและแผ่นพื้น 
      • สามารถออกแบบให้เคลื่อน ย้ายได้หากคุณต้องการ 
      • หากต้องการรื้อบ้าน เพื่อต่อเติมหรือขยายส่วนใดส่วนหนึ่ง ก็สามารถตัดส่วนที่ต้องการรื้อออก แล้วนำมาใช้ได้อีก 
      • สามารถออกแบบให้เป็น บ้านลอยน้ำได้หากคุณต้องการ 
      • มีใช้กันอย่างแพร่หลาย ในต่างประเทศ เช่นญี่ปุ่น,อเมริกา,เยอรมันและประเทศอื่น ๆ ทั่วโลก 
      • มีวิศวกรรับรองในการก่อ สร้างทุกขั้นตอน เมื่อทำการก่อสร้างกับทางเรา 
      • ผ่านการทดสอบจากคณะ วิศวกรรมโยธา สถาบันพระจอมเกล้าธนบุรี 
      • ปราศจากสารพิษเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม 
      • ช่วยลดการทำลายทรัพยากรของโลก 
      • ช่วยลดภาวะโลกร้อน   
                จากข้อต่างที่กล่าวมาด้านบนนี้ ก็น่าจะเป็นข้อพิสูจน์มากเพียงพอต่อการสร้างบ้านประหยัดพลังงานสำหรับผู้อยู่อาศัยที่สนใจในการสร้างบ้านในปัจจุบันหรือในอนาคต

                การประยุกต์บ้านประหยัดพลังงาน
      • บ้านอยู่อาศัยตั้งแต่ 1 ชั้น จนถึง 2 ชั้น เป็นต้น
      • รีสอร์ท
      • หมู่บ้าน
      • บ้านพักคนงาน
      • โฮมออฟฟิซ
                นอกจากบ้านประหยัดพลังงานแล้ว ยังรวมมาถึงการประหยัดพลังงานที่ใช้ภายในบ้านอีกด้วย เช่น พลังงานแสงอาทิตย์, พลังงานลม, พลังงานน้ำ เป็นต้น
        

      Wednesday, August 11, 2010

      ระบบการจัดการอาคารอัตโนมัติ

      BACS
      บูรณาการระบบการจัดการอาคาร
      Building Automation Constrol System (BACS) เป็นระบบที่สมบูรณ์ส่งข้อมูลที่ตรวจสอบและควบคุมความหลากหลายของระบบและการทำงานในระดับที่เหมาะสมมีประสิทธิภาพ

      การออกแบบระบบ BACS ประกอบด้วยองค์ประกอบดังต่อไปนี้

      ระบบควบคุมอาคาร
      Building Automation Constrol System (BACS) เป็นระบบไมโครโปรเซสเซอร์ควบคุมการออกแบบมาเพื่อตรวจสอบและควบคุมค่าพารามิเตอร์ของ HVAC, ไฟฟ้า, PHE, ป้องกันอัคคีภัย, ลิฟต์และการบริการอาคารอื่น ๆ สาธารณูปโภค / BAS ช่วยในการอนุรักษ์พลังงานโดยรันโปรแกรมที่มีประสิทธิภาพพลังงานต่างๆสำหรับการเพิ่มประสิทธิภาพของระบบและให้ความช่วยเหลือการดำเนินงานและการบำรุงรักษาติดตั้ง
      ระบบจะ DDC (Direct Digital Control) โดยมีหน้าที่จัดจำหน่ายทั้งทางร่างกายและตามหน้าที่ไปควบคุมเขตข้อมูล ส่วนติดต่อ DDC ด้วยเซ็นเซอร์ตัวกระตุ้นและระบบการควบคุมสิ่งแวดล้อมดำเนินการฟังก์ชันต่างๆ ของการจัดการพลังงานตรวจปลุกเวลา event / วันหยุด / เวลาชั่วคราวติดต่อสื่อสารการควบคุม / การบำรุงรักษาอาคารและการรายงาน

      ควบคุมเหล่านี้จะสามารถทำงานในโหมด stand - alone แม้ในกรณีของการสูญเสียการติดต่อสื่อสารกับสถานีควบคุมกลาง เราทำงานใกล้ชิดกับเจ้าของ และสถาปนิกในการติดตั้งซอฟต์แวร์สำเร็จรูปในระบบที่มีกำหนดโครงการ แพคเกจรวมอื่น ๆ ในระบบรวมถึงกราฟิกที่ใช้งานซอฟต์แวร์ ซอฟต์แวร์การจัดการพลังงาน ซอฟต์แวร์แสดงปลุกชุดบำรุงรักษา และซอฟต์แวร์การเรียกเก็บเงิน

      ELECTRIC SYSTEM

      ระบบไฟฟ้า

      ในการวิเคราะห์ให้ระบบไฟฟ้าพลังงานอย่างมีประสิทธิภาพต้องมีระดับต่ำสุดของการบำรุงรักษา และให้ระดับสูงสุดของความปลอดภัยและประหยัดพลังงาน

      การออกแบบไฟฟ้าภายใน
      เราออกแบบระบบไฟฟ้าโดยใช้เทคโนโลยีล่าสุดการพิจารณาข้อกำหนดโครงการเฉพาะพร้อมปฏิบัติทั้งหมดที่เกี่ยวข้องกับประเทศอินเดีย และรหัสต่างประเทศ เราคำนึงถึงหลักการพื้นฐานของการอนุรักษ์พลังงาน และความปลอดภัยที่ห้อมล้อมป้องกันแรงกระแทกไฟฟ้า กระแสไฟเกิน กระแสไฟฟ้าผิด และแรงดันไฟฟ้าเกิน เหล่านี้อาจเป็นอันตรายเมื่อมีการออกแบบ ทำให้การติดตั้งที่เป็นหลักปราศจากอันตราย สะดวกในการดำเนินงานและการบริการที่ไม่มีปัญหาในระยะยาว Dimmers มีไว้สำหรับแสงวงจรเพื่อลดระดับ lux เมื่อระดับไฟสูงไม่จำเป็นต้องใช้ เซ็นเซอร์ยังมีไว้เพื่อสลับแสงออกเมื่อพื้นที่ไม่ว่างหรือที่แสงธรรมชาติสามารถใช้ได้เพื่อให้ได้ระดับ lux ที่จำเป็น

      การวิเคราะห์ครั้งแรกแนะนำในอินเดียในต้นปี 90 การใช้ Earth Leakage Circuit Breakers (ELCB) เพื่อป้องกันต่อประหารชีีวิตด้วยไฟฟ้าโดยการติดต่อโดยตรงหรือโดยอ้อมกับวงจรชีวิต สิ่งนี้เป็นตอนที่บังคับให้มีขนาดเล็กกว่า 9 โหลด KVA

      การวิเคราะห์ยังแนะนำ 'แยกหม้อแปลง' ที่จะใช้สำหรับวงจรไฟฟ้าในห้องผ่าตัดและ ICU เพื่อความปลอดภัยของผู้ป่วย

      การติดตั้งระบบไฟฟ้าภายนอก
      เราแนะนำให้ใช้สวิตช์เวลาดาราศาสตร์ในการควบคุมแสงภายนอก สวิตช์นี้มีโปรแกรมบนพื้นฐานของพระอาทิตย์ขึ้นและพระอาทิตย์ตก และทำงานโดยไม่ต้องใช้เซ็นเซอร์แสง โปรแกรมทำที่ไซต์โครงการเพื่อสลับแสงภายนอก และปิดโดยอัตโนมัติในเวลาที่กำหนดไว้ล่วงหน้า และยังปิดไฟ 50% ในเวลาเที่ยงคืนหรือเวลาอื่นที่ตั้งไว้ สิ่งนี้จะทำให้ประหยัดการใช้ไฟฟ้าและเพิ่มชีวิตของหลอด

      สถานีย่อย
      เราขอแนะนำการจัดตั้งสถานีย่อย, เท่าที่เป็นไปได้ใกล้ศูนย์กลางเพื่อลดภาระค่าใช้จ่ายการติดตั้งและแรงดันไฟฟ้าลดลง Transformers ถูกเลือกบนพื้นฐานของ'ขาดทุนโหลดขั้นต่ำ'และ'ไม่มีภาระขาดทุน’ และชนิดนี้ถูกทดสอบ เพื่อหลีกเลี่ยงความเป็นไปได้ของไฟหม้อแปลงชนิดแห้ง และวงจรสุญญากาศ breakers/SF6 เบรกเกอร์จะใช้งาน

      สแตนบายระบบผลิตไฟฟ้า

      กำเนิดมีไว้ตามความต้องการของโครงการและแหล่งจ่ายไฟอัตโนมัติภายใน 12-14 วินาทีในการหยุดชะงักของไฟตาราง ในโครงการที่มีการติดตั้งเครื่องกำเนิดขึ้น เราปรับใช้โหลดระบบอัตโนมัติการจัดการเพื่อให้แน่ใจว่าจำนวนพลังงานที่ต้องการใช้ถูกผลิตตลอดเวลาเพื่อหลีกเลี่ยงการสิ้นเปลืองน้ำมันเชื้อเพลิง เรายังให้ความสำคัญเป็นพิเศษกับปัญหาของเสียงและมลพิษในอากาศ

      ลิฟต์ บันไดเลื่อน และการเดิน
      ให้การสนับสนุนระดับสูงของอาคารบริการการดำเนินงานที่เราดำเนินการวิเคราะห์การจราจร / ที่พิจารณาปัจจัยต่างๆเช่นจำนวนลิฟต์บันไดเลื่อน / ชนิดของความเร็วและความจุ เรายังให้ความสำคัญสูงในความปลอดภัยของผู้โดยสารต่อไฟและลิฟต์บันไดเลื่อนเสีย

      เสียงและข้อมูลเครือข่าย
      เราวางแผน Voice และระบบเครือข่ายข้อมูลตามข้อกำหนดโครงการ เราปรับใช้เทคโนโลยีล่าสุดสายระบบที่สามารถปรับเปลี่ยนความต้องการใหม่ เราปฏิบัติตามที่อยู่อาศัยเสียงและระบบข้อมูลสายการยุติในชั้นเดียวกันเพื่อให้มีความยืดหยุ่นมากขึ้นในอนาคต

      ระบบ MATV
      ตามเทคโนโลยีใหม่ล่าสุดและความต้องการเฉพาะโครงการระบบ MATV ของเราถูกออกแบบมาเพื่อลดการสูญเสียสัญญาณและให้ดีเสียง / วิดีโอคุณภาพ

      ระบบ UPS

      เราปรับใช้เทคโนโลยีล่าสุดระบบ UPS ให้ไฟอย่างต่อเนื่องสำหรับคอมพิวเตอร์เซิร์ฟเวอร์ศูนย์ข้อมูลและอุปกรณ์ไฟฟ้าอื่น ๆ ต่ำ ปัจจัยเช่นโหมดการทำงานและเวลาสำรองจะเสนอตามความต้องการของโครงการ

      HVAC SYSTEM

      การพิจารณาออกแบบ HVAC

      การวิเคราะห์การบริการนำเสนอวิธีการออกแบบเพื่อการประหยัดพลังงานระบบปรับอากาศโดยการยินยอมกับ ASHRAE, National Building Code (NBC) 2005 และการอนุรักษ์พลังงาน Building Code (ECBC)

      คุณสมบัติหลักบางอย่างที่ต้องการความสนใจอย่างใกล้ชิดมีดังนี้

      การประมาณระบบ HVAC
      โดยการวิเคราะห์แล้วเข้าใจว่าขนาดที่เหมาะสมของส่วนประกอบ HVAC เป็นสิ่งสำคัญในการออกแบบระบบพลังงาน HVAC อย่างมีประสิทธิภาพในราคาที่เหมาะสม ดังนั้นเรานำมาใช้เป็นระบบต่อการประมาณขนาด HVAC โดยคำนึงถึงปัจจัยต่างๆ เช่นสภาพอากาศ การตั้งค่าอาคาร การใช้พื้นที่ และรูปแบบระบบแบ่งเขต

      โรงงานระบบน้ำเย็น
      ในการวิเคราะห์โดยการนำน้ำเย็นประสิทธิภาพสูง, เครื่องทำความเย็น IKW / TR ต่ำในส่วนของโครงการ ขึ้นอยู่กับประเภทและปริมาตร ซึ่งเครื่องทำความเย็นขนาดใหญ่ที่ได้กำหนดไว้กับการขับเคลื่อนความเร็วที่ไม่คงที่ เครื่องทำความเย็นทั้งหมดที่ระบุไว้กับระบบการควบคุมโดยไมโครโปรเซสเซอร์พร้อมด้วยตัวทำความเย็นเพื่อตรวจสอบพารามิเตอร์ของโรงงาน โรงงานโดยทั่วไปประกอบด้วย chillers สกรูประหยัดพลังงาน / เครื่องทำน้ำเย็นระบายความร้อน / ตัวทำความเย็นขับเคลื่อน VFD, หลายหลากเครื่องปั๊มน้ำเย็น, ปั๊มน้ำเย็นลำดับที่สองกับการขับเคลื่อนความถี่ที่ไม่คงที่ condensing ปั๊มน้ำ, อาคารเย็น FRP, VFD ขับเคลื่อนอากาศผิวสองครั้งด้วยการจัดการหน่วยพักความร้อน กับการขับเคลื่อนความถี่ที่ไม่คงที่ และตัวแปรหน่วยคอยล์พัดลม, ท่อน้ำเย็นและการกลั่นตัว, ระบบกระจายอากาศ, ฉนวน, แผงไฟฟ้า, สายไฟ, สายไฟควบคุมและมนุษย์มีประสิทธิภาพการกระจายน้ำเย็นจำนวนมากของพลังงานที่ใช้ในการแจกจ่ายน้ำสำหรับพื้นที่ทำความเย็นเนื่องจากความเย็นตลอดทั้งปีในส่วนที่มากที่สุดของอินเดีย การออกแบบที่มีประสิทธิภาพ และเหมาะสมในการดำเนินงานได้ผลมาก และประหยัดเงินทุนจึงอาจมีผลกระทบสำคัญในการใช้พลังงานของอาคารทั้งหมด ดังนั้นการวิเคราะห์, แรงผลักคือการใช้ความเร็วตัวแปรสูบน้ำระบบแนวคิดบุกเบิกในอินเดียโดยการวิเคราะห์ในต้นปี 90

      ประสิทธิภาพระบบกระจายลม
      ในขณะที่การออกแบบระบบกระจายอากาศ ความสนใจเป็นพิเศษคือเพื่อลดความดันลงและลดเสียง โดยการเพิ่มขนาดท่อ การลดความโค้ง และข้องอ และการเลือกประเภทที่เหมาะสมของอากาศ การออกแบบการกระจายอากาศเป็นการประสานงานใกล้ชิดกับสถาปัตยกรรม / ออกแบบตกแต่งภายในการรักษาในมุมมองทางเลือกของชนิดท่อ ขนาดที่ถูกจำกัดด้วยขนาดของพื้นที่ว่างบนเพดาน ในการวิเคราะห์ขนาดท่อที่ทำใช้ซอฟต์แวร์ ducting เรียกว่า'ท่ออีซี่'

      ความต้องการในการระบายอากาศ
      พื้นที่สูงมีความต้องการพักการระบายอากาศมากทำให้สิ้นเปลืองพลังงานความเย็น เมื่อไม่มีช่องว่าง การระบายอากาศการควบคุมความต้องการใช้ในการประมาณจำนวนอาศัยในพื้นที่ และตั้งค่าอัตราการระบายอากาศจากพักการออกแบบเพื่อการพักอาศัยจริง Carbon Dioxide (CO2) เซ็นเซอร์เป็นเพียงการยอมรับในปัจจุบันของการระบายอากาศการควบคุมความต้องการ ประโยชน์ของการระบายอากาศการควบคุมความต้องการที่ลดลงในการอนุรักษ์พลังงาน และลดการสึกหรอฉีกขาดของอุปกรณ์ และยืนยันเอกสาร / คุณภาพอากาศภายในอาคาร

      Variable Air Volume (VAV) Systems
      ในอาคารสำนักงานร้านค้าและสถานประกอบการค้าที่เราแนะนำให้ใช้ VAV เพื่อให้ปริมาณที่ถูกต้องของอากาศเย็นที่จำเป็นสำหรับอาคารเฉพาะเขต และที่จัดหาเวลาเดียวกันปริมาณแตกต่างกันกับโซนต่างๆ ผลก็คือแหล่งรวมของเย็นแตกต่างกันไปในแต่ละวันขึ้นอยู่กับระดับความร้อนในส่วนต่างๆ ของอาคารเวลาที่ต่างกัน

      เซ็นเซอร์ CO สำหรับที่จอดรถท่อไอเสีย
      ระบายอากาศใต้ดินที่จอดรถมักจะมีพัดลมไอเสียทำงานในช่วงเวลาพักปกติ ตาม ASHRAE Application Handbook ด้วยการลดการปล่อยรถลดอัตราการระบายอากาศอาจจะพิจารณาในขณะที่การออกแบบระบบระบายอากาศสำหรับจอดรถ ดังนั้นเราขอแนะนำพัดลมที่จะให้กับ VFD ที่ดำเนินการผ่าน CO เซ็นเซอร์ตามระดับความเข้มข้นของ CO จึงทำให้เกิดการประหยัดพลังงานมาก

      GREEN BUILDING

      อาคารสีเขียว

      แนวคิดอาคารสีเขียวจะขึ้นอยู่ที่ว่าเป็นหลักในการพัฒนาเศรษฐกิจและกลายเป็นเมืองไม่จำเป็นต้องไปกับกระแสของธรรมชาติ Green Building เป็นหลักการสะท้อนผ่านวงจรชีวิตของอาคารเสร็จสมบูรณ์ และมีจุดมุ่งหมายเพื่อลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม องค์ประกอบสำคัญของอาคารสีเขียวเพื่อให้ใช้ทรัพยากรที่มีประสิทธิภาพที่สุด เช่นพลังงาน น้ำ และวัสดุ และเพื่อให้มั่นใจว่ากิจกรรมการบำรุงรักษาอาคารไม่เป็นภาระต่อสิ่งแวดล้อม

      องค์กรทั่วโลกขณะนี้ตระหนักมากขึ้นว่าการลงทุนเพิ่มเติมในการทำโครงสร้างของ 'สีเขียว' ไม่เพียงดีต่อสิ่งแวดล้อม แต่ยังให้ประโยชน์เป็นรูปธรรมในระยะยาวในรูปแบบของการดำเนินงาน และลดต้นทุนการผลิตที่สูงขึ้น การออกแบบที่ยั่งยืนให้ผลตอบแทนการดำเนินงานการลงทุนเป็นแนวคิดที่สำคัญ และรวมถึงการออกแบบอาคารสีเขียว

          ในการวิเคราะห์ของการที่เป็นสีเขียวที่สุดจะเป็นความภาคภูมิใจ และความเชี่ยวชาญด้านการออกแบบของเรา แนวคิดอาคารสีเขียวเป็นภายในกับกระบวนการต่างๆ ที่เราพัฒนาเพื่อการจัดการอาคาร รวมทั้งแสง ระบายอากาศ เครื่องปรับอากาศ การเก็บน้ำ และการรีไซเคิล

      แนวคิดอาคารสีเขียวมีประโยชน์สำคัญต่อไปนี้ :

      เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม
      ปฏิบัติตามมาตรฐาน LEED อาคารสีเขียวเพื่อการพัฒนาสถานที่ให้ยั่งยืน อาคารของเราออกแบบที่อยู่ตามลักษณะพิเศษของสิ่งแวดล้อมขั้นตอนต่างๆ จากโครงการการวางแผนไปเป็นโครงการการออกแบบ รางวัล USGBC LEED Platinum เป็นโครงการสำคัญของเราในประเทศอินเดียซึ่งเป็นเครื่องยืนยันถึงความเป็นเลิศการออกแบบของเราอย่างยั่งยืน

      ประสิทธิภาพพลังงาน
      การวิเคราะห์เป็นส่วนสำคัญของการเจริญเติบโตขององค์กรที่รับผิดชอบต่อสิ่งแวดล้อม ภายในการแก้ไขการจัดการอาคารของเรา เราได้สร้างกลไกต่างๆ เพื่อลดการใช้ไฟฟ้าลดเครื่องปรับอากาศ และโดยการส่งเสริมการใช้ระบบพลังงานแสงอย่างมีประสิทธิภาพ

      การอนุรักษ์น้ำ
      เพื่อจัดการกับความรุนแรงของวิกฤตน้ำโลก เราทำให้อาคารสีเขียวของเรามีประสิทธิภาพสร้างความเชี่ยวชาญเพื่อประหยัดน้ำในทุกด้านของอาคารวิศวกรรม : ประปา, อุปกรณ์ HVAC, การเก็บกักน้ำฝน เกี่ยวความน้ำร้อนแสงอาทิตย์ และลดพลังงานให้เป็นศูนย์

      ความปลอดภัยจากอัคคีภัย
      การวิเคราะห์ออกแบบอาคารต้องพร้อมไปด้วยการป้องกันอัคคีภัยจากมุมมองของวัสดุที่ใช้ และความปลอดภัย interlocks วิศวกรรมในอาคาร การเข้าร่วมกับ National Fire Protection Association (NFPA) และมีวิศวกรอาวุโส NFPA รับรองในทีมเรา เรามีสัญญาณเตือนการตรวจจับควันไฟอัจฉริยะ การดับเพลิงโดยใช้น้ำ และโดยใช้ก๊าซที่ใช้การปราบปรามที่สอดคล้องกับรหัส และกฎระเบียบการป้องกันอัคคีภัยนานาชาติ

      คุณภาพอากาศภายในอาคารดี
      อาคารที่ออกแบบโดยเราจะรักษาความบริสุทธิ์ของสภาพแวดล้อมภายในโดยการควบคุม และการจัดให้ได้สัดส่วนสำหรับการแลกเปลี่ยนอากาศกลางแจ้ง / ในร่มในการแบ่งสัดส่วนการเคลื่อนที่กับการครอบครอง สิ่งนี้ลดกลิ่น และสารปนเปื้อนในอากาศภายในอาคารจึงส่งเสริมการผลิตของพนักงาน

      Tuesday, August 10, 2010

      Home Automation


      Home Automation หมายถึง การเพิ่มเทคโนโลยีความสะดวกสบายและปลอดภัยภายในบ้าน เช่น การเปิด-ปิด อุปกรณ์ไฟฟ้าภายในบ้านโดยอัตโนมัติ, ระบบป้องกันการเกิดเพลิงไหม้อัตโนมัติ, ระบบแจ้งเตือนผู้บุกรุกอัตโนมัติ, รดน้ำในสนามหญ้าอัตโนมัติ เป็นต้น

      บ้าน เป็นสิ่งจะเป็นในชีวิตประจำวัน นอกจากนั้นภายในบ้านยังประกอบไปด้วย สิ่งอำนวยความสะดวกต่าง ๆ เช่น โทรทัศน์, เตาไมโครเวฟ, เครื่องปรับอากาศ, คอมพิวเตอร์ เป็นต้น ซึ่งสิ่้งจำเป็นเหล่านี้นั้นมีราคาค่อนข้างสูง

      เนื่องจากทุกวันนี้มีการปล้นบ้านซึ่งปรากฎอยู่ตามโทรทัศน์และหน้าสื่ออยู่บ่อยครั้ง ทำให้เจ้าของบ้านบางครั้งก็ไม่สบายใจในการอยู่อาศัยภายในบ้าน เพราะก็ต้องออกไปทำงานตามปกติ

      วันนี้เรามีเทคโนโลยีที่เหมาะสมสำหรับผู้อยู่อาศัย เรียกว่า อุปกรณ์ iSecureSamart เป็นผลิตภัณฑ์เป็นเทคโนโลยีขั้นสูงมาพร้อมกับระบบรักษาความปลอดภัยที่จำเป็นสำหรับบ้านพักอาศัย ดังต่อไปนี้

      • สามารถควบคุมอุปกรณ์เพื่อ เปิด และ ปิด ได้ผ่านทางรีโมท
      • สามารถตรวจจับแก๊สรั่วได้และแจ้งเตือน
      • สามารถตรวจจับการเคลื่อนไหวภายในบ้านได้และแจ้งเตือน
      • สามารถส่งข้อความแจ้งเตือนไปยังเจ้าของบ้านได้
      • สามารถดูความเคลื่อนไหวภายในบ้านผ่านทางอินเตอร์เน็ตได้
      • สามารถแจ้งเตือนผ่านไซเรนได้
      ระบบ iSecureSmart นั้นเป็นระบบที่สามารถตอบสนองระดับความปลอดภัย ให้แก่ผู้ที่อยู่อาศัยได้เป็นอย่างดี สำหรับผู้ที่ต้องเดินทางไกลบ่อยครั้ง iSecureSmart น่าจะเป็นคำตอบที่ดีที่สุดในปัจจุบัน

        Sunday, August 8, 2010

        Chiller คืออะไร

         
        Chiller คือ เครื่องทำความเย็นขนาดใหญ่ที่มีหน้าที่ในการผลิตน้ำเย็นหรือปรับอุณหภูมิน้ำ เย็นและส่งไปยังเครื่องปรับอากาศ ที่มีอยู่ในห้องต่างๆ ของอาคารแต่ละอาคาร อ่านต่อ

        ระบบปรับอากาศ


        หลักการพื้นฐานของเทคโนโลยี
             ในการออกแบบระบบปรับอากาศ ของบ้าน จะมีความแตกต่างจากระบบปรับอากาศในอาคารสำนักงาน เนื่องจากในอาคารสำนักงานมีลักษณะการใช้งานที่ผู้ใช้อาคารมีกิจกรรมสูง ทำให้ต้องใช้แรงลมค่อนข้างสูงและไม่สม่ำเสมอ โดยขึ้นอยู่กับการใช้งานในแต่ละพื้นที่ เช่นมีการจ่ายลมเย็นเฉพาะจุดที่เป็นโต๊ะทำงาน หรือจัดให้มีการกระจายลมค่อนข้างเร็ว ถ้ามีกิจกรรมน้อยจะทำให้ผู้ใช้อาคารรู้สึกเย็นเกินไป แต่ในการออกแบบระบบปรับอากาศของบ้าน ต้องคำนึงถึงพื้นที่การใช้งานโดยละเอียดบ้านพักอาศัยจะมีพื้นที่ที่มี กิจกรรมสูงไม่มากนักเช่น ในส่วนรับแขกส่วนทานอาหารควรปรับให้มีอัตราความเร็วสูง แต่ถ้าเป็นส่วนอื่นๆ ที่มีกิจกรรมต่ำ เช่น ห้องนอน ส่วนพักผ่อนซึ่งผู้อยู่อาศัยจะแต่งตัวด้วยเสื้อผ้าค่อนข้างเบาบาง ต้องให้มีการไหลเวียนของอากาศค่อนข้างต่ำและมีอุณหภูมิไม่เย็นมาก การควบคุมระบบปรับอากาศเน้นให้มีระดับเอลทัลปีสูงสุด โดยยังคงสภาพของสภาวะน่าสบายในบ้านได้ ซึ่งหมายถึงทำให้สามารถใช้ระบบปรับอากาศภายในบ้านโดยใช้พลังงานน้อยที่สุด แต่สภาวะสบายในบ้านยังคงอยู่ในเขตสบาย

        การออกแบบและเลือกใช้ระบบปรับอากาศ
             ในบ้านประหยัดพลังงานควรเลือกใช้เครื่องปรับอากาศชนิดที่ประหยัด พลังงานสูงสุด(เครื่องปรับอากาศ เบอร์5) โดยออกแบบให้ส่วนของเครื่องปรับอากาศที่จะต้องมีการซ่อมบำรุงติดตั้งอยู่ บริเวณภายนอกบ้าน ทั้งนี้เพื่อความสะดวกและปลอดภัยในการดูแลรักษา นอกจากนี้ยังมีการนำความร้อนเหลือทิ้งของระบบปรับอากาศมาใช้ในการทำน้ำร้อน เพื่อใช้ภายในบ้าน ทำให้สามารถประหยัดค่าไฟฟ้าที่ต้องใช้สำหรับเครื่องทำน้ำร้อนลงได้มาก ซึ่งการออกแบบดังกล่าวนอกจากจะเป็นการออกแบบเพื่อการประหยัดพลังงงานแล้ว ยังเป็นการนำสิ่งเหลือใช้มาทำให้เกิดประโยชน์ได้เป็นอย่างดี ตำแหน่งสำหรับติดตั้งส่วนระบายความร้อนของระบบปรับอากาศ กำหนดให้อยู่ไกลจากตัวบ้านให้มากที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ ทั้งนี้เพื่อลดเสียงรบกวนที่เกิดจากการทำงานของเครื่องและลดผลกระทบจากความ ร้อนที่อาจเข้าสู่ภายในบ้าน ทำให้สามารถเปิดหน้าต่างในกรณีที่ต้องการระบายอากาศแบบธรรมชาติได้ในเวลาที่ ต้องการ โดยไม่ต้องกังวลกับเสียงดังรบกวน หรือลมร้อนจากเครื่องจะพัดเข้าสู่ตัวบ้าน

        การควบคุมระบบปรับอากาศภายในบ้าน

             เน้นให้อยู่ในเขตสบายสูงสุด เท่าที่จะทำได้ เพื่อให้การใช้พลังงานเครื่องปรับอากาศน้อยที่สุด ในกรณีที่ระดับเอลทัลปีภายนอกต่ำกว่าภายใน จะต้องมีการดึงอากาศภายนอกเข้ามาในบ้าน อ่านต่อ

        What is electrical single phase


        The generation of AC electric power is commonly three phase, in which the waveforms of three supply conductors are offset from one another by 120°. These three conductors are commonly housed in a single conduit (e.g. a metal pipe), but they are also commonly separately housed, or spaced in open-air, such as along utility poles. Standard frequencies are either 50 or 60 Hz. The voltage across a pair of these conductors, or between a single conductor and a neutral conductor is single phase electric powerRead more

        Thursday, August 5, 2010

        ระบบสุขาภิบาล

        ชนิดของท่อประปา

        - ท่อประปาเหล็กอาบสังกะสี
              ข้อดี มีความแข็งแรง รับน้ำหนักได้ดี ทนทานต่อแรง กระแทกได้ ไม่หักงอ ทนต่อความดันและอุณหภูมิที่สูงๆ เช่น เครื่องทำน้ำร้อน
              ข้อเสีย ราคาค่อนข้างแพง ถ้าใช้ไปนานๆ อาจเกิดสนิม ได้ โดยเฉพาะที่ฝังอยู่ในดิน อาจเป็นอันตราย ถ้านำน้ำในท่อ มารับประทาน

        - ท่อประปาพีวีซี (PVC.)
        ข้อดี น้ำหนักเบา ราคาถูกกว่า สามารถดัดงอได้ และ ไม่เกิดสนิมน้ำในท่อจะสะอาดกว่า
        ข้อเสีย ไม่สามารถทนต่อแรงกระแทกแรงๆ ได้ ไม่ทน ต่อความดันและอุณหภูมิที่สูง

         - ชนิดของท่อพีวีซี (PVC.)
        ท่อพีวีซี (PVC.) แบ่งตามชนิดการใช้งาน โดยใช้สี ดังนี้
        1. ท่อสีเหลือง เป็นท่อสำหรับร้อยสายไฟฟ้า และสาย โทรศัพท์ เพราะสามารถทนต่อความร้อนได้อย่างดี
        2. ท่อสีฟ้า เป็นท่อที่ใช้กับระบบน้ำ เช่น น้ำดี น้ำเสีย และการระบาย สามารถทนแรงดันน้ำได้มากน้อยตามประเภท การใช้งาน (มีหลายเกรด)
        3. ท่อสีเทา เป็นท่อที่ใช้สำหรับการเกษตร หรือน้ำทิ้ง ก็ได้ ราคาค่อนข้างถูก ไม่ค่อยแข็งแรง ควรจะเดินลอย ไม่ควร ฝังดิน

        วิธีการเดินท่อประปา
             โดยทั่วไปแล้วการเดินท่อประปาภายในบ้าน จะมีอยู่ 2 ชนิด คือ
        1. การเดินท่อแบบลอย คือ การเดินท่อติดกับผนัง หรือวางบนพื้น การเดินท่อแบบนี้จะเห็นได้ชัดเจน สามารถ ซ่อมแซมได้ง่าย เมื่อเกิดปัญหา แต่จะดูไม่สวยงาม
        2. การเดินท่อแบบฝัง คือ การเจาะสกัดผนัง แล้ว เดินท่อ เมื่อเรียบร้อยแล้วก็ฉาบปูนทับ หรือเดินซ่อนไว้ใต้ เพดานก็ได้ ซึ่งจะดูเรียบร้อยและสวยงาม แต่เมื่อมีปัญหาแล้ว จะซ่อมแซมยาก

        - วิธีการเดินท่อประปาในส่วนที่อยู่ใต้ดิน
              การเดินท่อประปาจะมีทั้งท่อส่วนที่อยู่บนดิน และบาง ส่วนจะต้องอยู่ใต้ดิน ในส่วนที่อยู่บนดิน อาจใช้ท่อ PVC. หรือท่อเหล็กชุบสังกะสี (GAVANIZE) ก็ได้ แต่สำหรับท่อ ที่อยู่นอกอาคาร โดยเฉพาะท่อที่อยู่ใต้ดิน บริเวณใต้อาคาร ควรใช้ท่อ PE ท่อชนิดนี้มีคุณสมบัติพิเศษในการบิดงอโค้งได้ ในกรณีเดินผ่านเสาตอม่อ หรือคานคอดิน สำหรับท่อธรรมดา จะมีข้อต่อมากซึ่งเสียงต่อการรั่วซึม และที่สำคัญเมื่อมีการทรุด ตัวของอาคาร หากเป็นท่อ PVC. หรือท่อเหล็กชุบสังกะสี จะ ทำให้ท่อแตกร้าวได้ แต่ถ้าเป็นท่อ PE จะมีความยืดหยุ่นกว่า ถึงแม้จะมีราคาที่สูง แต่ก็คุ้มค่า เพราะถ้าเกิดการรั่วซึมแล้วจะไม่สามารถทราบได้เลย เพราะอยู่ใต้ดิน

         - วิธีการใช้สต๊อปวาล์ว เมื่อติดตั้งสุขภัณฑ์
        โดยทั่วไปการติดระบบประปากับสุขภัณฑ์ เพียงต่อท่อ น้ำดีเข้ากับตัวเครื่องสุขภัณฑ์ก็สามารถใช้งานได้แล้ว แต่ถ้าเกิด ปัญหาที่จะต้องการซ่อมแซม ก็จะต้องปิดมิเตอร์น้ำด้านนอก เพื่อหยุดการใช้น้ำ ซึ่งจะทำให้ภายในบ้านทั้งหมดไม่สามารถใช้ น้ำได้ ทางออกที่ดีก็คือ ให้เพิ่มสต๊อปวาล์วในบริเวณส่วนที่จ่าย น้ำเข้ากับสุขภัณฑ์ เพื่อที่เวลาทำการซ่อมแซม สามารถที่จะปิด วาล์วน้ำได้ โดยที่น้ำในห้องอื่นๆ ก็ยังสามารถใช้งานได้

        - วิธีการตรวจสอบระบบประปา
        ตรวจสอบอุปกรณ์ภายในบ้าน โดยปิดก็อกที่มีอยู่ ทั้งหมดแล้วสังเกตที่มาตรวัดน้ำ ถ้าตัวเลขเคลื่อน แสดงว่า มีการรั่วไหลเกิดขึ้น ซึ่งอาจเกิดจากการรั่วซึม หรือมีอุปกรณ์ บางอย่างแตกหักหรือชำรุด ก็จัดการหาช่างมาแก้ไขให้เรียบ ร้อย นอกจากภายในบ้านแล้วยังสามารถตรวจสอบการรั่ว ไหลของน้ำในเส้นท่อที่อยู่นอกบ้าน โดยสังเกตพื้นดินบริเวณ ท่อแตกรั่วนั้น จะมีน้ำซึมอยู่ตลอดเวลา และบริเวณนั้นจะ ทรุดตัวต่ำกว่าที่อื่น นั่นคือสาเหตุที่ทำให้น้ำประปาไหลอ่อน ลง ก็ควรแจ้งไปยังสำนักงานประปาในเขตนั้น

        ขอบคุณข้อมูล จาก AlineHomeCare

        มาตรฐานระบบไฟฟ้า 3 เฟส

        ทำไมต้อง 3 เฟส

        ปกติ 110V และ 220V เหมือนกับชายร่างกายกำยำที่กำลังปักเต๊นท์ เช่นเดียวกันกับจำนวนงานที่ทำสำเร็จสามารถมีความทนหรือแข็งแรงกว่าที่ชาย กำยำทำ ซึ่ง 3 เฟสนี้เหมือนกับมีชาย 3 คนกับค้อนขนาดใหญ่ ทำงานร่วมกัน และปักเต๊นท์ตามจังหวะ ในขณะที่แต่ละคนอาจจะไม่ได้ทำงานมากเท่ากับชายกำยำ การทำงานร่วมกันของชายทั้ง 3 สามารถปักเต๊นท์ได้เร็วขึ้นเพราะพวกเขากำลังตีในทุกๆ ครั้งที่ชายกำยำกำลังปักเต๊นท์ และจำนวนการทำงานก็สำเร็จมากกว่าเมื่อเพิ่มจำนวนคน

        ประโยชน์ของระบบ ไฟฟ้า 3 เฟส

        ยิ่งการวางระบบสาย ไฟน้อยเท่าไร มอเตอร์ก็อาจจะยาวนานมากเท่านั้น และมันก็เป็นโอกาสดีที่มอเตอร์เบาๆ จะให้ผลดีกว่า และประหยีดพลังงานมากกว่ามอเตอร์ 1 เฟส

        ชนิดของ Power 3 เฟส

        -        สายไฟธรรมดา 3 เส้น

        -        สายไฟธรรมดา 4 เส้น

        -        สายไฟพิเศษ 4 เส้น

        -        สายไฟ 3 เส้น พร้อม hot leg ใต้ดิน


             โดยปกติแล้ว power 3 เฟสจะไม่ควบคุมการทำงานของ voltage โดยทั้วไปแล้ว voltage meter ต้องการกำหนด voltage ที่แน่นอนซึ่งเป็นการชี้ทางเกี่ยวกับชนิดของ 3 เฟส มันสำคัญมากที่จะทำการทดสอบให้ทำเร็จโดยเฉพาะถ้าคุณสงสัยสายไฟ 3 เส้นพร้อม hot leg ใต้ดิน และจะใช้เพียงแค่ 2 ขา หรือคุณอาจจะสร้าง dead short กับการเชื่อมต่อของคุณ สำหรับเหตุผลเพิ่มเติม การใช้ 110V/220V แต่ voltage ที่ไม่แน่นอน อาจจะเป็น 120V/240V หรือ 125V/250V มันอาจจะให้รู้โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อการสนทนาเกี่ยวกับ power 3 เฟส ซึ่งคุณจะทราบต่อไป ถ้าสิ่งนี้รบกวนคุณ ผมก็คิดว่าคุณคือบุคคลธรรมดา หรือผู้ที่ไม่ได้อ่านสิ่งเหล่านี้

        การเชื่อมมอเตอร์ กับ 3 เฟส

        ด้วยสายไฟ 2 เส้น 220V และ 1 เฟส ทั้ง shaded pole CSIR, หรือ CSCR motor ก็จะถูกนำมาใช้เมื่อมันเริ่มในทิศทางที่ถูกต้อง

        ข้อดีอย่างหนึ่งของ 3 เฟสคือ timing ของเฟสทำทิศทางมอเตอร์โดยอัตโนมัติ แต่มันก็ไม่มีทางที่จะรู้ว่ามอเตอร์จะ run ตอนไหน ดังนั้นคุณจึงจำเป็นต้อง “bump” มอเตอร์ – เปิด power ในส่วนที่ 2 – ดูว่าตัวไหนกำลังจะหมุน pump บางตัว และ compressor ส้วนมากจะไม่ได้ใส่ใจว่ามอเตอร์จะเริ่มเก่าเมื่อไร และจะเปลี่ยนทิศทางของการทำให้มอเตอร์ยาวนานมากขึ้นได้อย่างไร การ switch ทิศทางการหมุนมเตอร์ 3 เฟส ทำง่ายโดยการ switch lead 2 ตัวไหนก็ได้.

        Safety ground

        การวางระบบสายไฟใน อุตสาหกรรมโดยวางผ่านท่อ รางน้ำ หรือสายไฟหลายเส้น โดยต้องมีการคลุมด้วยโลหะ neutral wire ไม่ได้ใช้บรรจุ safety ground อ้างถึง NFPA guidelines สำหรับการติดตั้ง safety ground อย่างถูกต้องการวางระบบสายไฟในทางพาณิชย์ต้องใช้พื้นที่ ต้องตรวจสอบล่วงหน้าและทำงานตามรหัสอาคาร ถ้ามีข้อสงสัยก็ควรปรึกษา.

        สวิตซ์ การควบคุม และป้องกันกระแสไฟเกิน

        ด้วยข้อยกเว้นของ สายไฟ 3 เส้น 3 เฟสกับ ground leg ซึ่ง lead ทั้ง 3 จะร้อนจึงจำเป็นต้องป้องกันกระแสไฟเกิน และควรจะมี switch ซึ่ง switch บางตัวมีกระแสไฟจำกัด กระแสไฟตก หรือใช้ voltage ที่สูงเมื่อเริ่มมอเตอร์

        Switch บางตัว และการควบคุมจะ ใช้เฟสเดียว สายไฟ 2 เส้น 220V หรือส่วนประกอบอื่นๆ ซึ่งมอเตอร์ หรืออุปกรณ์จริงๆ ที่ใช้ power มากจะใช้ 3 เฟส เช่น compressor ตู้เย็นใช้ 220V 3 เฟส ซึ่งอาจจะมี 220V สายไฟ heater 2 เส้น และ contactor coil และ โซลินอยด์วาล์ว 24V ควบคุมตู้เย็นจากการควบคุมความเย็น เนื่องจากความซับซ้อนเช่นนี้ จึงสำคัญมากที่คุณจะต้องรุ้และเข้าใจการอ่าน diagram และแผนผังการเดินสายไฟ และสามาระกำหนด voltage และชนิดของ power เพื่อควบคุมอุปกรณ์ที่ใช้.

        Monday, August 2, 2010

        Power-line networking ทำงานอย่างไร

        เครือข่าย Power - line เป็นหนึ่งในหลายวิธีที่จะเชื่อมต่อคอมพิวเตอร์ในบ้านของคุณ จะใช้สายไฟในบ้านของคุณเพื่อสร้างเครือข่าย เช่น HomePNA, เครือข่ายสายไฟฟ้าจะขึ้นอยู่กับแนวคิดของ "ไม่ต้องใช้สายใหม่” ความสะดวกสบายเป็นที่ชัดเจนมากขึ้นในกรณีนี้เพราะในขณะที่ไม่มีห้องพักทุกห้องมีแจ็คโทรศัพท์ คุณก็จะมีเต้าเสียบไฟอยู่ใกล้คอมพิวเตอร์ ใน power-line networking คุณเชื่อมต่อคอมพิวเตอร์ของคุณกันผ่าน outlet เดียวกัน

        เพราะไม่ต้องเดินสายไฟใหม่และเครือข่ายที่เพิ่มขึ้นก็จะไม่มีค่าใช้จ่ายค่าไฟฟ้า power-line networking เป็นวิธีที่ถูกที่สุดของการเชื่อมต่อคอมพิวเตอร์ในห้องต่างๆ
        ในบทความนี้เราจะพูดคุยเกี่ยวกับ power-line networking และเทคโนโลยีที่ใช้ในการทำให้เกิดขึ้น เรายังจะหารือเกี่ยวกับข้อดีและข้อเสียของการใช้ power-line network.

        ข้อดีและข้อเสียของ power-line network.

        มีสองการแข่งขันของ power-line technologies เทคโนโลยีเดิมเรียกว่า Passport โดยบริษัทใช้ชื่อ Intelogis เทคโนโลยีใหม่ที่เรียกว่า PowerPacket พัฒนาโดย Intellon ได้รับเลือกโดย HomePlug Alliance เป็นมาตรฐานสำหรับ power-line networking

        ประโยชน์ของ power-line network


        • เพราะราคาไม่แพง
        • ใช้สายไฟที่มีอยู่
        • ห้องของบ้านโดยทั่วไปทุกห้องมีระบบไฟฟ้าหลาย outlets
        • ง่ายในการติดตั้ง
        • เครื่องพิมพ์หรืออุปกรณ์อื่นใดไม่จำเป็นต้องเชื่อมต่อโดยตรงกับคอมพิวเตอร์, ไม่ต้องมีวัตถุใกล้คอมพิวเตอร์ในเครือข่าย
        • ไม่ต้องการการ์ดที่ติดตั้งในคอมพิวเตอร์ (แม้ว่าจะมีบริษัทที่ทำงานบนระบบ PCI – based)

        เทคโนโลยี PowerPacket ใหม่ให้คู่ของประโยชน์อื่น ๆ เช่นกัน มันเร็วสูงสุดที่ 14 เมกะบิตต่อวินาที (Mbps) ความเร็วนี้ช่วยให้สามารถมีงานใหม่เช่น audio and video streaming จะดังทั่วบ้าน มีข้อเสียที่จะเชื่อมต่อผ่าน power-lines เมื่อใช้เทคโนโลยี Intelogis เก่าคือ

        • การเชื่อมต่อค่อนข้างช้า -- 50 Kbps ถึง 350 Kbps
        • ประสิทธิภาพที่สามารถรับผลกระทบจากการใช้พลังงานที่บ้าน
        • จำกัดคุณสมบัติของเครื่องพิมพ์
        • มันจะทำงานเฉพาะกับคอมพิวเตอร์ที่ใช้ Windows
        • จะใช้อุปกรณ์ผนังขนาดใหญ่เพื่อให้เข้าถึง electrical outlet
        • ใช้ได้เพียงสายมาตรฐาน 110 – V
        • ต้องให้ข้อมูลทั้งหมดได้รับการเข้ารหัสเพื่อความปลอดภัยในเครือข่าย
        • สายเก่ามีผลต่อประสิทธิภาพ

        ตามที่เทคโนโลยี Intellon, PowerPacket กำจัดหลายข้อกังวลเหล่านี้ ได้อ้างประโยชน์ต่อไปนี้
        • มีความเร็วที่ 14 Mbps
        • มัน "หลีกเลี่ยง” การรบกวนใน power-line, การรักษาการเชื่อมต่อเครือข่ายและความเร็ว
        • ไม่ได้ จำกัดคุณสมบัติของเครื่องพิมพ์
        • สามารถทำงานร่วมกับระบบปฏิบัติการอื่น ๆ (ขึ้นกับความพร้อม driver)
        • อาจมีวงจรจำเป็นต้องฝังภายในอุปกรณ์, ความจำเป็นแค่สายไฟมาตรฐานในการเข้าถึง outlet
        • เพราะทำงานอิสระของแรงดันไฟฟ้าและความถี่ของกระแสไฟ
        • มีการเข้ารหัส
        • ในการทดสอบจะมีสัญญาณลดลงเนื่องจากสายไฟเก่า

        วิธีแต่ละเทคโนโลยีเหล่านี้ทำงานอย่างไร

        วิธีของ Intellon และ Intelogis ใช้วิธีการที่แตกต่างเพื่อสร้าง power-line networks.

        Intellon
        เทคโนโลยี Intellon's PowerPacket ซึ่งทำหน้าที่เป็นพื้นฐานสำหรับมาตรฐาน HomePlug Powerline Alliance, ใช้แบบฟอร์ม orthogonal frequency-division multiplexing (OFDM) ที่มีต่อการแก้ไขข้อผิดพลาด, คล้ายกับเทคโนโลยีที่พบใน DSL modems. OFDM เป็นรูปแบบของมัลติหมวดความถี่ (FDM) ใช้ในphone-line networking FDM ใส่ข้อมูลคอมพิวเตอร์บนความถี่ที่แยกจากสัญญาณเสียงถูกดำเนินการโดยสายโทรศัพท์ การแบ่งพื้นที่สัญญาณพิเศษในสายโทรศัพท์ทั่วไปในช่องทางข้อมูลที่แตกต่างกันโดยแยกมันเป็นชิ้นชุดแบนด์วิดธ์

        ในกรณีของ OFDM ในช่วงที่มีความถี่ในระบบย่อยไฟฟ้า (4.3 MHz ถึง 20.9 MHz) แบ่งออกเป็น 84 ให้บริการแยกต่างหาก OFDM ส่งแพ็กเก็ตของข้อมูลพร้อมกันไปหลายความถี่ให้บริการเพื่อให้สามารถเพิ่มความเร็วและความน่าเชื่อถือ ถ้าเสียงหรือไฟกระชากในการใช้ไฟฟ้ารบกวนหนึ่งของความถี่ PowerPacket chip จะรู้ และสลับที่ข้อมูลไปที่อื่น
        การออกแบบการเปลี่ยนแปลงอัตรานี้ทำให้ PowerPacket รักษาการเชื่อมต่อ Ethernet-class ตลอด power-line network โดยไม่สูญเสียข้อมูลใดๆ รุ่นล่าสุดของเทคโนโลยี PowerPacket เป็นอัตราที่ 14 Mbps ซึ่งเร็วกว่าสายโทรศัพท์ที่มีอยู่และโทรศัพท์ไร้สายโซลูชั่น แต่เนื่องจากการเข้าถึงอินเทอร์เน็ตความเร็วสูงและเนื้อหา Internet - based เช่นการสตรีมเสียงและวิดีโอและ voice - over - IP เป็นธรรมดามาก ต้องการความเร็วจะยังคงเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ตามที่กล่าวมานี้แนวทาง Intellon's OFDM เพื่อ power-line networking สามารถปรับได้สูงที่สุดให้เทคโนโลยีที่เกิน 100 Mbps

        Intelogis
        เทคโนโลยี power-line เก่าใช้ Intelogis อาศัยความถี่ shift keying (FSK) ในการส่งข้อมูลไปมามากกว่าสายไฟฟ้าในบ้านของคุณ FSK ใช้สองความถี่ หนึ่งสำหรับ 1s และสำหรับ 0s ส่งข้อมูลดิจิตอลระหว่างคอมพิวเตอร์ในเครือข่าย (ดูวิธี Bits และ Bytes ทำงานอย่างไรเพื่อเรียนรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับข้อมูลดิจิตอล) ความถี่ที่ใช้อยู่ในวงแคบเพียงเหนือระดับที่เส้นเสียงส่วนใหญ่เกิดขึ้น แต่วิธีการนี้งานจะค่อนข้างเปราะบาง สิ่งที่ impinges บนความถี่สามารถรบกวนการไหลของข้อมูลทำให้คอมพิวเตอร์ที่ส่งไปต้องส่งซ้ำข้อมูล สิ่งนี้มีผลต่อประสิทธิภาพของเครือข่าย ตัวอย่างเช่นผู้เขียนคนนี้พบว่าเมื่อเขาใช้ไฟฟ้ามากกว่าในบ้านเช่นการใช้เครื่องซักผ้าและเครื่องเป่า, เครือข่ายจะช้าลง Intelogis มีแถบไฟสายปรับอากาศกับชุดเครือข่ายที่จะให้คุณใส่ระหว่างwall outlet และอุปกรณ์คอมพิวเตอร์ของคุณเพื่อช่วยลดจำนวนสายไฟฟ้าเสียง
        เนื่องจากกระแสไฟฟ้าของ power-line networks ถูกออกแบบมาเพื่อทำงานกับระบบไฟฟ้า 110 โวลต์ เทคโนโลยีไม่ได้เป็นประโยชน์กับประเทศภายนอกทวีปอเมริกาเหนือที่ใช้มาตรฐานแตกต่างกัน


        ค่าใช้จ่ายและการติดตั้ง
        Intelogis ให้ชุดที่เชื่อมต่อคอมพิวเตอร์สองเครื่องและหนึ่งเครื่องพิมพ์ ราคา $ 59 adaptor เพิ่มเติมค่าใช้จ่ายประมาณ $ 40 มีรุ่นเฉพาะสำหรับคอมพิวเตอร์หรือเครื่องพิมพ์เป็นเพื่อให้แน่ใจว่าคุณได้รับถูกต้อง เนื่องจากเครือข่ายจะไม่มีผลต่อการใช้พลังงานหรือการบริโภค จึงไม่มีค่าใช้จ่ายรายเดือนเพิ่มเติมเกิดขึ้น
        ค่าใช้จ่ายของเทคโนโลยี PowerPacket คาดว่าจะเทียบเท่า HomePNA โซลูชั่นและอย่างมีนัยสำคัญน้อยกว่า 802.11 โซลูชั่นไร้สาย

        การเชื่อมต่อทางกายภาพระหว่างคอมพิวเตอร์แต่ละเครื่องและ Intelogis power-line network กำลังใช้ parallel port ของคอมพิวเตอร์ อุปกรณ์กำแพงเสียบโดยตรงเต้าเสียบไฟ (มันจะไม่ทำงานอย่างถูกต้องหากเสียบป้องกันไฟกระชาก)

        สายเคเบิลแบบขนานเสียบอุปกรณ์ผนังและเป็น parallel port ของคอมพิวเตอร์ power-line network จะต้องเป็นรายการสุดท้ายที่เชื่อมต่อกับ parallel port ด้วยเหตุนี้ถ้าคุณมีสิ่งอื่นที่เชื่อมต่อกับ parallel port เช่นสแกนเนอร์หรือ Zip drive จะต้องมีบัตรผ่านสำหรับ parallel port ถ้าคุณไม่มี parallel port ที่สองในคอมพิวเตอร์ของคุณ เครื่องพิมพ์ของคุณต้องเชื่อมต่อกับเครือข่ายผ่านอุปกรณ์ที่ผนังของตนเอง สิ่งที่ควรทราบก็คือกระแสไฟ power-line networks ไม่สนับสนุนการพิมพ์แบบสองทิศทาง "สองทิศทาง" หมายถึงว่าข้อมูลจะถูกส่งไปทั้งสองทิศทางช่วยให้เครื่องพิมพ์ของคุณเพื่อส่งข้อมูลกลับไปยังเครื่องคอมพิวเตอร์ของคุณเช่นหมึกเหลือเท่าไร และมีกระดาษติดหรือไม่ สิ่งนี้จะไม่เก็บไว้เครื่องพิมพ์ของคุณจากการทำงาน แต่ไม่มีมูลค่าใดที่คุณจะสูญเสียการใช้คุณสมบัติดังกล่าว

        อุปกรณ์ Initial PowerPacket เชื่อมต่อผ่านสาย USB หรือ Ethernet จากคอมพิวเตอร์ไปยัง wall adapter ขนาดเล็ก อุปกรณ์ครั้งต่อไปจะมีวงจรสร้าง หมายความว่าการเชื่อมต่อเฉพาะที่จำเป็นจะต้องเป็นสายไฟ
        เมื่อทำการเชื่อมต่อทางกายภาพแล้ว, ติดตั้งซอฟต์แวร์ snap เป็น ซอฟต์แวร์ที่จะตรวจหาโหนดทั้งหมดโดยอัตโนมัติ (คอมพิวเตอร์และเครื่องพิมพ์) ว่าการเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตของคุณด้วยเคเบิลโมเด็ม, DSL หรือโมเด็มปกติ รวมถึงซอฟต์แวร์ proxy server ช่วยให้คุณสามารถใช้อินเทอร์เน็ตกับคอมพิวเตอร์เครื่องอื่นๆ คุณสามารถเพิ่มเครื่องคอมพิวเตอร์โดยใช้เพียงเสียบอะแดปเตอร์ใหม่และติดตั้งซอฟต์แวร์ เครื่องพิมพ์เพิ่มเติมสามารถเพิ่มการใช้เครื่องพิมพ์ plug - in adapter File and printer sharing จะทำผ่าน Windows

        มีสองประเภททั่วไปของเครือข่ายบ้าน : peer - to - peer และ client / server Client/server networks มีระบบการบริหารส่วนกลางที่ให้ข้อมูลกับทุกอุปกรณ์อื่นๆ Peer - to - peer หมายความว่าอุปกรณ์แต่ละตัวสามารถพูดคุยโดยตรงกับแต่ละอุปกรณ์อื่น ๆ ในเครือข่ายโดยไม่ต้องให้คำปรึกษาระบบกลางก่อน เทคโนโลยี Intelogis Passport ใช้เครือข่ายลูกค้า / เซิร์ฟเวอร์ คอมพิวเตอร์เครื่องแรกที่คุณติดตั้งซอฟต์แวร์ที่เป็น Application Server ในใจความสำคัญคือเป็นผู้อำนวยการเครือข่าย การควบคุมการไหลของข้อมูลและการบอกแต่ละอุปกรณ์ในเครือข่ายที่จะหาอุปกรณ์อื่นๆ เทคโนโลยี Intellon's PowerPacket ใช้เครือข่าย peer - to - peer

        Tuesday, July 6, 2010

        ความรู้เบื้องต้นเพื่อการก่อสร้างบ้าน

        การเตรียมพื้นที่ก่อสร้างจะต้องทำอย่างไร
        พื้นที่สำหรับการก่อสร้างบ้านพักอาศัยของเรานอกจากเรื่องการตรวจสอบกรรมสิทธิ์ในการครอบครองที่ดินว่าถูกต้องตามกฎหมาย ติดขัดสิ่งใดหรือไม่ หากการก่อสร้างจำเป็นต้องกู้เงินจากธนาคารโดยมีเงื่อนไขที่เกี่ยวข้องกับสิ่งใดบ้าง เราจำเป็นต้องปรึกษากับสำนักงานที่ดินในเขตพื้นที่หรือธนาคาร กรณีที่อยู่ระหว่างการพิพาทก็จำเป็นที่จะต้องปรึกษาทนายความ ต้องบอกกันตรงๆ ว่าสิ่งที่จะกล่าวไว้ในบทความนี้เป็นเรื่องที่เกี่ยวข้องกับการก่อสร้างทางด้านวิศวกรรม และสถาปัตยกรรมล้วนๆ

        การเตรียมพื้นที่ก่อสร้างมีความจำเป็นอย่างยิ่งที่ก่อนเริ่มงานก่อสร้างที่เราจะต้องรู้สภาพพื้นที่ของเราเพื่อจะได้พูดคุยหรือตกลงในการวางแผนกับผู้รับเหมา สิ่งที่จะต้องเตรียมการและตกลงกับผู้รับเหมามีดังนี้

        การตัดต้นไม้
        ถ้าการก่อสร้างจำเป็นต้องตัดต้นไม้ในบริเวณพื้นที่ก่อสร้าง ผู้รับเหมาจะตัดต้นไม้ได้เฉพาะต้นที่ทับสิ่งก่อสร้างเท่านั้น ส่วนต้นอื่นๆ ที่กีดขวางการก่อสร้างจะต้องได้ความยินยอมจากเจ้าของบ้านเสียก่อนจึงจะตัดได้ โดยผู้รับเหมาจะต้องจัดทำให้เรียบร้อย และขนย้าย           ให้พ้นสถานที่ก่อสร้างดวยค่าใช้จ่ายของผู้รับเหมาทั้งสิ้น

        การสร้างโรงเก็บของ และที่พักคนงานชั่งคราว
        ในระหว่างการก่อสร้าง หากจำเป็นต้องสร้างโรงเก็บของ หรือที่พักคนงานชั่วคราว เราจำเป็นต้องพิจารณาถึงผลกระทบในหลายๆ ด้าน โดยเฉพาะที่พักคนงานชั่วคราวเนื่องจากการมีบุคคลภายนอกเข้ามาเพิ่มในชุมชนที่เราจะก่อสร้าง ย่อมเกิดผลกระทบทั้งในด้านดีและเสียกับเพื่อนบ้านอย่างปฎิเสธไม่ได้ ดังนั้นเราควรที่จะชั่งน้ำหนักในเรื่องนี้ให้ดี อย่างไรก็ตามในปัจจุบันผู้รับเหมามักจะใช้วิธีการรับ-ส่งคนงานโดยมีบ้านพักของคนงานของผู้รับเหมาเองด้วย ประเด็นนี้จึงควรคำนึงถึงเช่นกัน สำหรับโรงเก็บของก็ควรปิดมิดชิด และตำแหน่งที่ก่อสร้่างก็ไม่ควรกีดขวางทางเข้าออก ขนส่งของได้ง่ายและไม่ทับพื้นที่ก่อสร้าง จะได้ไม่ต้องเสียเวลาย้ายโรงเก็บของในภายหลัง ส่วนสุดท้ายก็คือ ห้องน้ำสำหรับคนงานและผู้ควบคุมการก่อสร้างควรมีการจัดเตรียมให้ถูกหลักอนามัย

        การรื้อถอนสิ่งก่อสร้างเดิม
        ถ้าการก่อสร้างที่จำเป็นต้องรื้อถอนสิ่งก่อสร้างเดิมของเรา และในสัญญาก่อสร้างไม่ได้กำหนดไว้ ควรตกลงร่วมกับผู้รับเหมาในส่วนของค่าใช้จ่าย ดังนั้นก่อนทำสัญญาก่อสร้างจะต้องระบุให้ชัดเจน เพื่อให้งบประมาณในการก่อสร้างไม่บานปลายในภายหลัง

        การปักผังและวางระดับ

        ผู้รับเหมาจะต้องทำการปักผังและวางระดับที่กำหนดไว้ให้ถูกต้องตามแบบแปลน ซึ่งเราจะต้องเข้าไปตรวจสอบผัง เนื่องจากผังจะเป็นขอบเขตของบ้านเราเมื่อก่อสร้างเสร็จแล้ว สำหรับการวางระดับเป็นการกำหนดจุดอ้างอิงที่จะถ่ายระดับความสูงไปยังตัวอาคาร เช่นระดับพื้นชั้นล่างอยู่สูงกว่าระดับอ้างอิง 20 เซนติเมตร เป็นต้น

        ค่าใช้จ่ายเกี่ยวกับน้ำประปา และไฟฟ้าในระหว่างดำเนินการก่อสร้าง
        การตกลงเกี่ยวกับค่าใช้จ่ายในส่วนนี้ เราจะต้องแจ้งผู้รับเหมาให้ชัดเจน สำหรับค่าน้ำ้ประปาและไฟฟ้า เป็นหน้าที่ของผู้รับเหมาที่จะต้องติดต่อและออกค่าใช้จ่ายเองทั้งสิ้น ทั้งนี้เพื่อให้การดูแลรักษาและการใช้มีความประหยัด

        ทักษะพื้นฐานทางด้านงานช่างนั้นไม่ใช่สิ่งที่ดูยุ่งยากหรือซับซ้อนมากนักสำหรับการก่อสร้างบ้านพักอาศัย 1 ชั้นหรือ 2 ชั้น หากเราได้มีส่วนร่วมในการสร้างบ้านตั้งแต่ต้นก็จะทำให้เกิดความผูกพันและรักบ้านของคุณเอง

        การถมที่จะต้องตรวจสอบอะไรบ้าง
        กรณีพื้นที่ปลูกบ้านของเราอยู่ในระดับต่ำเมื่อเทียบกับถนนข้างเคียงก็จำเป็นที่จะต้องถมให้สูงขึ้นซึ่งเป็นปัญหาอย่างมากสำหรับพื้นที่ที่ไม่มีระบบการะบายน้ำที่ดี เห็นได้โดยทั่วไปสำหรับผู้ซื้อที่ดินที่แบ่งแปลงขายและมีเพียงถนนกับไฟฟ้า โดยให้ผู้ซื้อรับผิดชอบการถมที่เองเมื่อบริเวณพื้นที่ดังกล่าวผ่าำนไปหลายปีก็จะพบว่าผู้ที่ปลูกบ้านอยู่ก่อนแล้วจะมีระดับของพื้นที่ที่ต่ำกว่าบ้านที่ปลูกที่หลัง ทำให้เกิดน้ำท่วมขังในพื้นที่ของตนหากการระบายน้ำไม่ดีกลายเป็นปัญหาลูกโซ่เรื่อยมา บางแห่งปรากฎว่าพื้นชั้นล่างของบ้านตนเองอยู่ในระดับเดียวกับพื้นชั้นที่ 2 ของบ้านใกล้เคียง การแก้ไขปัญหานี้หากจะหวังพึ่งหน่วยงานของรัฐก็คงทำได้แต่อาจต้องใช้เวลานาน ดังนั้นก็ขอแนะนำให้ช่วยเหลือตัวเองด้วยการถมที่ให้สูง แต่ก็ไม่ควรจะสูงมากจนสร้างความเดือดร้อนให้แก่เพื่อนบ้าน ประเด็นที่เราจะต้องตรวจสอบมีดังนี้
        •    การเตรียมสถานที่ ต้องถางหญ้า ขุดตอ เก็บเศษหิน กากปูน ขยะและวัชพืชอื่นๆ ออกไปทิ้งให้พ้นบริเวณที่ก่อสร้าง โดยทั่วไปมักไม่ค่อยให้ความสำคัญในประเด็นนี้ ต่อไปนี้จึงขอให้ผู้ที่เตรียมจะก่อสร้างบ้านต้องกำชับผู้รับเหมาให้ทำการเตรียมพื้นที่ก่อน หากมีสิ่งไม่พึงประสงค์ตามที่กล่าวมาอาจส่งผลให้เกิดอุปสรรคในการก่อสร้างฐานรากและการทรุดตัวของดินได้
        •    ตรวจสอบระดับความสูงและขอบเขตการถม ให้ผู้รับเหมาจัดทำระดับที่ถูกต้องตามที่ตกลงกันว่าจะให้อยู่ในระดับสูงเท่าใด ขอบเขตขนาดไหน โดยเราจะต้องแจ้งขอบเขตที่ดินที่ถือครองให้ชัดเจน
        •    วัสดุที่ใช้ถม หากใช้ดินควรเป็นดินเหนียว ดินร่วน หรือดินลูกรัง หรือถ้าเป็นทราย ทรายปนดิน ทั้งนี้ต้องไม่มีวัชพืชและเศษขยะ ราคาต่อหน่วยที่ใช้ถมดินในปริมาณไม่มากจะคิดเป็นเที่ยวรถ แต่หากเป็นพื้นที่ที่ต้องใช้ดินปริมาณมากอาจคิดในราคาเหมารวม
        •    การถมดินรอบอาคาร ในกรณีที่แบบแปลนหรืือรายการรายละเอียดระบุ  ให้ถมดินรอบอาคารให้ถมที่ระบุไว้ในรูปแบบรายละเอียด และให้ทำเอียงลาด 1 ต่อ 2 (แนวดิ่ง 1 ส่วน ต่อแนวราบ 2 ส่วน) ลงสู่ระดับดินเดิม พร้อมตกแต่ง และบดอัดจนเรียบ โดยความสูงให้ถือตามแบบรูปหรือรายการละเอียด
        •    การถมดินภายในอาคาร กรณีที่ถมด้วยดินหรือดินลูกรังให้เป็นถมเป็นชั้นๆ ละไม่เกิน 25 เซนติเมตร แต่ละชั้นให้บดอัดด้วยเครื่องบดอัดจนแน่น สำหรับในกรณีที่ถมด้วยทราย ต้องหาวิธีป้องกันทรายไหลออกจากบริเวณที่ต้องการถม พร้อมทั้งขังน้ำทิ้งไว้จนทรายทรุดตัวแน่น

        ควรดูเสาเข็มอย่างไรจึงจะได้ของดี
            เสาเข็มเป็นส่วนของโคงสร้างที่อยู่ใต้ดินมีความสำคัญอย่่างมากต่อการรับน้ำหนักของอาคาร วัสดุที่ใช้ทำเสาเข็มสำหรับบ้านพักอาศัย โดยทั่วไปจะใช้เสาเข็มที่เป็นวัสดุคอนกรีตหรือไม่้ตามที่วิศวกรออกแบบ กรณีเป็นฐานรากชนิดเสาเข็มสำหรับพื้นที่ที่โครงสร้างของดินสามารถรับน้ำ้หนักได้เพียงพอในบางพื้นที่ก็ไม่จำเป็นจะต้องใช้เสาเข็มแต่ฐานรากจะถูกออกแบบเป็นฐานแผ่ งานด้านฐานรากมีความสำคัญต่อโครงสร้างของบ้านเป็นอย่างมากในระยะยาว ดังนั้นการกำหนดแบบแปลนก่อสร้างจำเป็นต้องมีวิศวกรผู้ออกแบบรับผิดชอบ
        •    เสาเข็มไม้ ใช้ไม้แก่นลำต้นตรงเป็นไม้ท่อนเดียว กระเทาะเปลือก ไม่มีรอยแตกแยกของเนื้อไม้ขนาดใหญ่ หรือผุจนเสียกำลัง ขนาดที่ใช้ตามที่วิศวกรเป็นผู้ออกแบบกำหนด ขนาดโดยทั่วไปจะต้องสัมพันธ์กันระหว่างขนาดเส้นผ่าศูนย์กลางกับความยาวตามที่แสดงไว้ในตารางต่อไปนี้

        เส้นผ่าศูนย์กลางเสาเข็ม (นิ้ว)    เส้นรอบวงเมื่อวัดที่               กึ่งกลางเสาเข็ม (ซ.ม.)    ความยาว                    (เมตร)
        3    21    3.00
        4    28    4.00
        5    35    5.00
        6    43    6.00
        8    57    8.00

        การเสี้ยมปลายเสาเข็ม ถ้าจะต้องเสี้ยมปลายระยะที่เสี้ี้ยมจะต้องไม่เกิน 2.5 เท่าของเส้นผ่าศูนย์กลางและยาวไม่เกิน 30 เซนติเมตร

        การวัดเสาเข็มไม้ :
        เส้นผ่าศูนย์กลางเสาเข็ม ให้วัดที่เส้นรอบวงที่กึ่งกลางเสาเข็มแล้วเทียบค่าในตาราง
        ความยาวเสาเข็ม วัดเมื่อตัดหัวเสาเข็มและตกแต่งปลายเสาเข็มเรียบร้อยแล้ว
        •    เสาเข็มคอนกรีต เสาเข็มคอนกรีตที่นำมาใช้ในงานก่อสร้างต้้องเป็นเสาเข็มที่ผลิตจากโรงงานหล่อคอนกรีตหากเป็นเสาเข็มที่มีความยาวมากกว่า 10 เมตร ควรให้วิศวกรโยธาประจำโรงงานเป็นผู้รับรองการออกแบบเสาเข็มและคุณภาพ เสาเข็มทุกต้นต้องระบุ วันเดือนปีที่ผลิต  และชื่อผู้ผลิตแสดงไว้ชัดเจน สำหรับหน้าตัดของเสาเข็มคอนกรีตมีหลายรูปแบบ เช่น รูปตัวไอ รูปสี่เหลี่ยมจตุรัส เป็นต้น สำหรับหน้าตัดจะต้องตรวจสอบที่แบบแปลนระบุว่ามีความกว้างเท่าไรและความยาวเท่าไร โดยทั่วไปแล้วความคลาดเคลื่อนดังกล่าวของเสาเข็มมีน้อย เนื่องจากในการผลิตจะใช้ในแบบหล่อเสาเข็มที่เป็นแบบมาตรฐานและถาวรใช้งานได้นาน สำหรับหน้าตัดเสาเข็มขนาดต่าง ๆ ในการก่อสร้างบ้านพักอาศัยไม่แนะนำให้ใช้เสาเข็มหล่อคอนกรีตที่หล่อขึ้นเพื่อใช้งานเอง ซึ่งจะทำให้มีค่าใช้จ่ายที่สูงมากขึ้น นอกจากนั้นการวางกองและเคลื่อนย้ายเสาเข็มคอนกรีตจะต้องใช้ความระมัดระวังสูง หากยกในจุดที่ไม่ได้ออกแบบไว้อาจจะทำให้เสาเข็มที่หักหรือมีรอยแตกร้าวได้ และห้ามนำเสาเข็มที่หักหรือมีรอยแตกร้าวมาใช้งานโดยเด็ดขาด

        เมื่อได้เสาเข็มแล้วจะตรวจสอบการตอกเสาเข็มอย่างไร
        การตอกเสาเข็มสามารถทำได้ในหลากหลายวิธีขึ้นอยู่กับชนิดของวัสดุที่ใช้ทำเสาเข็มและขนาดการตรวจสอบ และการควบคุมคุณภาพในการตอกเสาเข็มเป็นสิ่งสำคัญ สำหรับการก่อสร้างบ้้านพักอาศัย ควรตรวจสอบดูว่าจำนวนเสาเข็มที่ตอกในหนึ่งรากฐานเท่ากับจำนวนที่ระบุไว้ในแบบหรือไม่ นอกจากนั้นขณะที่ทำการตอกไม่ว่าจะใช้เครื่องมือใดก็ตามเสาเข็มก็ต้องตั้งในแนวดิ่ง หากเสาเข็มไม่สามารถตอกได้ตามที่ระบุไว้ในแบบแปลน ขอให้แจ้งแก่วิศวกรผู้ออกแบบหรือวิศวกรผู้ควบคุมงานเพื่อให้ตัดสินใจตามหลักวิศวกรรม เนื่องจากการตอกเสาเข็มไม่ลงมีเหตุปัจจัยหลากหลาย ไม่ควรดำเนินการตัดสินใจใด ๆ โดยไม่ทราบสาเหตุโดยเด็ดขาด

        การสร้างบ้านในบางพื้นที่จำเป็นต้องใช้เสาเข็มที่มีความยาวมากซึ่งอาจจะถึง                  22 เมตร ดังนั้นจึงต้องใช้เสาเข็มชนิดต่อก็คือ การใช้เสาเข็ม 2 ท่อนต่อกัน ไม่ควรมีมากกว่า 2 ท่อน สำหรับข้อต่อระหว่างเสาเข็มท่อนแรกกับท่อนที่สองต้องเป็นเหล็กเหนียวและหล่อเป็นส่วนเดียวกับตัวเข็มแต่ละส่วน การต่อให้ต่อโดยวิธีเชื่อมด้วยไฟฟ้า

        ปูนซีเมนต์มีหลายชนิดจะเลือกใช้ชนิดใดดี
            วัสดุที่เป็นส่วนประกอบสำคัญในการก่อสร้างบ้านก็คือปูนซีเมนต์ ปัจจุบันผู้ผลิตปูนซีเมนต์มักจะให้ความรู้พร้อมกับโฆษณาผลิตภัณฑ์ของตนเองไปในตัวเพื่อให้ผู้สร้างบ้านได้เลือกใช้ผลิตภัณฑ์ตรงกับคุณสมบัติที่แท้จริงของปูนซีเมนต์ สำหรับปูนซีเมนต์ชนิดหลักๆที่ใช้สำหรับการก่อสร้างบ้านพักอาศัยอาจจำแนกตามลักษณะการใช้งานได้เป็น 2 แบบ ด้วยกัน คือ ปูนซีเมนต์สำหรับงานโครงสร้าง ปูนซีเมนต์สำหรับงานก่อและฉาบ ซึ่งวัสดุที่ใช้ในการผลิตรวมทั้งวัตถุประสงค์ในการใช้งานมีความแตกต่างกัน ดังนั้นหากผู้รับเหมารายใดบอกท่านว่าใช้อะไรก็เหมือนกัน ย่อมแสดงให้เห็นถึงจิตวิญญาณในความเป็นช่างก่อสร้างของเขามีน้อยมาก สำหรับรายละเอียดของปูนซีเมนต์แต่ละแบบมีดังต่อไปนี้

        ปูนซีเมต์สำหรับงานโครงสร้าง
            งานโครงสร้างซึ่งได้แก่ เสา, คาน, ตอม่อ, ฐานราก ล้วนแล้วแต่ต้องการความสามารถในการรับน้ำหนักของคอนกรีตที่มีกำลังสูงให้ได้ไม่น้อยกว่ามาตรฐานที่ใช้ในการออกแบบ ดังนั้นส่วนผสมสำคัญของคอนกรีตที่เป็นปูนซีเมนต์ต้องเป็นชนิดที่ใช้สำหรับงานโครงสร้างเท่านั้น เราเรียกปูนประเภทนี้ว่า “ปูนซีเมนต์ปอร์ตแลนด์” ซึ่งมีการแบ่งชนิดของปูนซีเมนต์ปอร์ตแลนต์ออกเป็น 5 ชนิด สำหรับงานโครงสร้างของบ้านพักอาศัยและที่มีจำหน่ายโดยทั่วไป เช่น ปูนตราช้าง, ปูนทีพีไอแดง, ปูนตราเพชร เป็นต้น

        ปูนซีเมนต์สำหรับงานก่อฉาบ

            ความจำเป็นสำหรับการเลือกใช้ผลิตภัณฑ์ที่เหมาะสมในการก่อสร้างเป็นสิ่งที่เจ้าของบ้านหรือโครงการต้องเลือกใช้ผลิตภัณฑ์ที่เหมาะสมกับงานนั้น ๆ ด้วยปูนซีเมนต์สำหรับงานก่ออิฐและฉาบปูน มีส่วนผสมที่แตกต่างจากปูนซีเมนต์ปอร์ตแลนด์เป็นอย่างมาก เนื่องจากปูนซีเมนต์ที่ใช้สำหรับก่ออิฐและฉาบปูนจะไม่มีหินเป็นส่วนประกอบ จะมีเพียงปูนซีเมนต์, ทรายและน้ำ ดังนั้นปูนซีเมนต์ที่ใช้จึงเป็นปูนซีเมนต์ชนิดผสม เช่น ปูนตราเสือ, ปูนตรานกอินทรีย์, ปูนตราทีพีไอเขียว เป็นต้น

        คอนกรีตเสริมเหล็ก (คสล.)
            ส่วนประกอบที่สำคัญที่ใช้ในการรับน้ำหนักและประักอบกันเป็นโครงสร้างเพื่อรองรับแรงนั้นจะเรียกว่า คอนกรีตเสริมเหล็ก โดยแยกเป็นคอนกรีตและเหล็กเสริมที่เอามารวมอยู่ด้วยกัน นำมาใช้ทำเป็นวัสดุในการทำโครงสร้างของฐานราก เสา คานหรือพื้น ตามที่วิศวกรเป็นผู้ออกแบบหน้าตัดความกว้างและความยาวของโครงสร้างในแต่ละส่วนงานนั้น ๆ สำหรับส่วนประกอบของคอนกรีตเสริมเหล็ก มีดังต่อไปนี้
        •    ปูนซีเมนต์  :  สำหรับงานโครงสร้างทั้งหมดให้ใช้ปูนซีเมนต์ชนิดปอร์ตแลนด์ซีเมนต์ และต้องเป็นไปตามมาตรฐานอุตสาหกรรม (มอก.)
        •    ทราย  :  ใช้เป็นส่วนประกอบของคอนกรีตและต้องเป็นทรายธรรมชาติและสะอาด ไม่มีสิ่งสกปรกเจือปน
        •    หิน  :  ต้องเป็นเม็ดที่มีเหลี่ยมมุม และต้องเป็นก้อนแข็งแรง
        •    น้ำ  :     น้ำที่ใช้ผสมคอนกรีตจะต้องสะอาด และปราศจากสารเจือปน เช่น น้ำมัน กรด ด่าง เกลือ อินทรีย์
        •    เหล็กเสริม  :     เหล็กเป็นองค์ประกอบหลักเช่นกัน การจะเสริมเหล็กขนาดและจำนวนเท่าใดควรเป็นไปตามที่วิศวกรออกแบบ เหล็กที่นำมาใช้ต้องเป็นเหล็กเส้นเหนียว ไม่มีสนิมกร่อน หรือน้ำมันจับเกาะ เส้นตรง ไม่หักงอ เป็นชนิดที่ตรงกับที่ระบุไว้ในแบบแปลน ซึ่งอาจจะเป็นเหล็ก หรือเหล็ก            ข้ออ้อย ขนาด ระยะห่าง และจำนวนของเหล็กเสริมเป็นสิ่งที่เราจะต้องใส่ใจในการตรวจสอบก่อนที่ผู้รับเหมาจะเทคอนกรีตทุกครั้ง

        งานก่ออิฐและฉาบปูนที่ดีควรทำอย่างไร
            งานก่ออิฐฉาบปูนแม้จะดูเป็นงานพื้นฐานที่ไม่มีความซับซ้อน แต่ในความเป็นจริงแล้วเป็นงานที่จะต้องอาศัยฝีมือของช่างก่อและฉาบเป็นหลัก หากผนังที่ได้จากการก่อและฉาบที่ผิดพลาดเมื่อเราติดตั้งวัสดุตบแต่งผนัง เช่น กระเบื้องเซรามิค ก็จะทำให้เห็นความผิดพลาดที่ผนังขึ้นมาฟ้องทันที หรือกรณีที่ต้องการทำเฟอร์นิเจอร์ชนิดติดตั้งในที่ก็มีความจำเป็นที่เราจะต้องเข้มงวดในการควบคุมการก่อและฉาบให้ดี สำหรับขั้นตอนที่ดีในการปฏิบัติงานของช่างควรเป็นดังต่อไปนี้
        •    งานก่ออิฐ  :     เริ่มจากการเตรียมแผ่นอิฐที่นำมาก่อต้องปัดให้สะอาดอย่าให้
        มีผง หรือเศษที่แตกออกติดอยู่และต้องทำให้ชื้นเสียก่อนโดยนำไปแช่น้ำหรือพรมน้ำให้ทั่ว เพื่อไม่ให้อิฐดูดน้ำจากปูน ก่อเร็วเกินไป การเตรียมสถานที่ ส่วนที่ก่อชนกับเสาหรือเสาเอ็นคอนกรีต ต้องเสียบเหล็กเส้นผ่าศูนย์กลาง 6 มิลลิเมตร ไว้ที่เสาขณะหล่อเสาทุกระยะไม่เกิน 40 เซนติเมตร และจะต้องรดน้ำให้ความชื้นเสาคอนกรีตก่อนทำการก่อ การก่อจะต้องให้ได้แนวทั้งทางตั้งและทางนอนและต้องเรียบ โดยขึงเชือกก่อนและต้องใส่ปูนก่อให้เต็มรอยต่อโดยรอบแผ่น มุมกำแพงทุกมุมและกำแพงที่หยุดลอยๆ โดยไม่ติดกับเสาหรือตรงกำแพงที่ติดกับวงกบจะต้องมีเสาเอ็นคอนกรีตเสริมเหล็ก ส่วนเหนือช่องประตู-หน้าต่างหรือช่องแสงทุกแห่งที่ก่ออิฐทับรวม ถึงเหนือกำแพงใต้วงกบหน้าต่างหรือช่องแสง จะต้องมีคานทับหลังคอนกรีตเสริมเหล็ก ขนาดไม่เล็กกว่าเสาเอ็น สิ่งสุดท้ายที่สำคัญและเราจะต้องแจ้งผู้รับเหมาไว้ก็คือการก่ออิฐที่จะต้องก่อชนท้องคานหรือพื้นค.ส.ล. ทั้งหมดจะต้องเว้นช่องไว้ประมาณ 10 เซนติเมตร เป็นเวลาไม่น้อยกว่า 3 วัน เพื่อให้ปูนก่อแข็งตัวและเข้าที่เสียก่อน จึงจะทำการก่ออิฐให้ชนใต้ท้องคานหรือพื้นได้ ทั้งนี้เพื่อไม่ให้เกิดรอยแตกร้าวที่รอยต่อชนในภายหลัง
        •    ฉาบปูน  :  เริ่มจากการเตรียมพื้นผิวก่อนลงมือฉาบปูนจะต้องพ่นน้ำให้ความชื้นแก่ผิวหน้าที่จะฉาบทุกครั้งเพื่อลดอัตราการดูดซึมน้ำของปูนฉาบ การฉาบปูนทุกครั้งต้องจัดทำแนวและระดับก่อนทุกครั้ง การฉาบปูนผิวคอนกรีต ส่วนที่เป็นท้องพื้นและท้องคานจะต้องกระเทาะผิวหน้าคอนกรีตก่อนที่จะฉาบทุกครั้ง การฉาบปูนทั้งหมดเมื่อฉาบครั้งสุดท้ายเสร็จเรียบร้อยแล้ว ผิวจะต้องเรียบ ไม่เป็นลูกคลื่นได้ดิ่งได้ระดับทั้งแนวนอนและแนวตั้ง มุมทุกมุมต้องได้ฉาก สิ่งเหล่านี้เราจะต้องสังเกตจากการทำงานของช่างปูน และอย่าลืมว่าการฉาบปูนควรหลีกเลี่ยงการฉาบปูนด้านที่มีแสงจัด ซึ่งจะเผาให้น้ำปูนระเหยแห้งเร็วกว่าปกติ เช่น เช้าควรฉาบด้านทิศตะวันตก บ่ายควรฉาบด้านทิศตะวันออก เป็นต้น ซึ่งจะส่งผลให้เกิดรอยแตกรายงาที่ผิวปูนฉาบได้

        สร้างบ้านทั้งที่ไม่ทราบเกี่ยวกับโครงสร้างของบ้านเลย
            เจ้าของบ้านโดยทั่วไปมักจะทุ่มเทกับการศึกษาและค้นหาวัสดุตบแต่งพื้นผิว ประตู หน้าต่าง วัสดุมุงหลังคาที่สวยงามถูกใจ แต่น้ำหนักความสำคัญสำหรับโครงสร้างทางวิศวกรรมแล้วมักจะปล่อยให้เป็นเรื่องของผู้รับเหมาเป็นหลัก ดังนั้น จึงขอนำเสนอความรู้เบื้องต้นที่ควรรู้เกี่ยวกับโครงสร้างของบ้านเพื่อให้เจ้าของบ้านได้เห็นถึงความสำคัญและใส่ใจในความถูกต้องของขนาดโครงสร้างตามที่วิศวกรออกแบบ และเลือกใช้วัสดุที่ใช้ในการก่อสร้างโครงสร้างได้อย่างเหมาะสม

            ความมั่นคงแข็งแรงของบ้านพักอาศัยเป็นสิ่งสำคัญที่วิศวกรผู้ออกแบบคำนึงถึงเป็นอันดับแรก ดังนั้น การออกแบบทางด้านวิศวกรรมของโครงสร้างอาคารจึงอยู่ภายใต้ความรับผิดชอบของผู้ประกอบวิชาชีพวิศวกรรมควบคุม ส่วนประกอบที่สำคัญของโครงสร้างบ้านมีรายละเอียดดังต่อไปนี้

        โครงสร้างฐานคอนกรีตเสริมเหล็ก
            ฐานรากเป็นโครงสร้างสำคัญที่รองรับน้ำหนักของอาคารเพื่อถ่ายน้ำหนักลงสู่ชั้นดินที่มีความสามารถในการรับกำลังที่เพียงพอ การออกแบบฐานรากโดยทั่วไปจะอ้างอิงการคำนวณจากวิชา Soil Mechanic และ Foundation Design ซึ่งเป็นหน้าที่ของวิศวกรรมโยธาในการรับผิดชอบรายการคำนวณ ชนิดของฐานรากที่ใช้ในการออกแบบสำหรับบ้านพักอาศัยมีอยู่ 2 ชนิดคือ
        •    ฐานรากแผ่  :  เป็นฐานที่ออกแบบสำหรับการก่อสร้างในพื้นที่ที่ความสามารถของชั้นดินในการรับน้ำหนักสูงและมีระดับความลึกของชั้นดินไม่ลึกมากนัก นอกจากนั้นน้ำหนักของโครงสร้างอาจมีไม่มาก เช่น บ้านพักอาศัยชั้นเดียว เป็นต้น การตัดสินใจเลือกใช้ฐานรากแผ่จึงมีความจำเป็นที่ผู้ออกแบบจะต้องทราบถึงคุณสมบัติ และความสามารถของดินในชั้นที่ฐานแผ่วางอยู่ โดยใช้การทดสอบทางธรณีวิทยาเป็นหลัก แบบแปลนของฐานแผ่นอกจากเราใส่รายละเอียดของโครงสร้างตามที่วิศวกรออกแบบ เหล็กที่เสริมอยู่ในโครงสร้างส่วนที่เป็นฐานจะวางสานกันเป็นตะแกรง ในบางครั้งวิศวกรผู้ออกแบบอาจบอกเป็นจำนวนเหล็กตามขนาดที่กำหนดโดยไม่บอกระยะห่าง ดังนั้น เราต้องให้ผู้รับเหมาจัดระยะห่างสำหรับการวางเหล็กให้ได้ตามจำนวน
        •    ฐานรากเสาเข็ม  :  เป็นฐานรากที่ถ่ายน้ำหนักจากอาคารลงสู่เสาเข็มเพื่อกระจายน้ำหนักลงสู่ดิน การรับน้ำหนักของฐานรากชนิดนี้จะอาศัยแรงเสียดทานระหว่างผิวเสาเข็มกับชั้นดินร่วมกับความสามารถในการรับน้ำหนักที่ปลายเสาเข็ม วิศวกรผู้ออกแบบจะอาศัยข้อมูลทางธรณีวิทยาในการคำนวณเพื่อประมาณค่าสำหรับการออกแบบ รายละเอียดการเสริมเหล็กจะมีเพิ่มเติมในส่วนของเสาเข็มที่ฝังเข้ามาในฐานราก และขนาดของฐานรากชนิดนี้จะเล็กกว่าฐานรากแผ่เมื่อรองรับน้ำหนักเท่ากัน เสาเข็มที่ใช้ในการก่อสร้างบ้านพักอาศัยแบ่งตามกรรมวิธีการก่อสร้างจะมีด้วยกัน  2 แบบ คือ
        -    เสาเข็มตอก  :  เป็นเสาเข็มที่ทำจากวัสดุคอนกรีตเสริมเหล็ก หรือเป็นเสาเข็มไม้ก็ได้ จะถูกติดตั้งลงในชั้นดินด้วยการตอกด้วยปั้นจั่นหรือแรงคน  แบบแปลนฐานรากเสาเข็มควรระบุขนาดเส้นผ่าศูนย์กลาง ความยาว ความสามารถในการรับน้ำหนักต่อตันให้ชัดเจน
        -    เสาเข็มเจาะ  :  เป็นเสาเข็มที่ถูกติดตั้งลงในดินฐานราก โดยการใช้เครื่องมือเจาะลงไปในชั้นดินเพื่อทำการก่อสร้างเสาเข็ม ซึ่งมีรายละเอียดและขั้นตอนในการก่อสร้างค่อนข้างมาก เหมาะสำหรับการก่อสร้างในพื้นที่ที่ไม่สามารถขนย้ายเสาเข็มตอกได้สะดวกหรือมีสิ่งปลูกสร้างบริเวณใกล้เคียงหากใช้เข็มตอกอาจมีผลกระทบต่อโครงสร้างอาคารนั้น จึงจำเป็นต้องใช้เสาเข็มเจาะ แบบแปลนควรระบุชนิดว่าเป็นเสาเข็มเจาะให้ชัดเจน ส่วนรายละเอียดอื่นเหมือนกับเสาเข็มตอก
        •    เสาตอม่อ  :  จัดเป็นส่วนประกอบหนึ่งของฐานรากซึ่งเป็นเสาที่อยู่ในตำแหน่งที่เชื่อมต่อระหว่างฐานรากกับเสาและคานคอดิน รายละเอียดในการเขียนแบบเสาตอม่อก็คือ การแสดงการดัดวางเหล็กที่ใช้เป็นเหล็กยืนในเสาซึ่งมีปลายอีกด้านหนึ่งอยู่ในฐานราก ผู้เขียนแบบจะต้องแสดงระยะให้ชัดเจน สำหรับส่วนของเสาก็จะมีเพียงขนาดของเหล็กยืน จำนวน ขนาดของเหล็กปลอก และระยะห่างของเหล็กปลอก

        โครงสร้างคานคอดิน
            คานคอดินเป็นโครงสร้างที่ยึดระหว่างเสาตอม่อและรองรับกำแพงของผนังชั้นล่าง กรณีที่มีการเทพื้นคอนกรีตของอาคารชนิดพื้นบนดินคานคอดินจะช่วยกันดินที่ถมเข้ามาไว้ในอาคารไม่ให้ไหลออก สิ่งสำคัญในการก่อสร้างคานคอดินจะต้องทำการบดอัดดินที่อยู่รองรับใต้คานให้แน่นเสียก่อนที่จะทำการตั้งแบบคาน แบบแปลนของคานคอดินควรที่จะระบุส่วนประกอบของโครงสร้างให้ชัดเจนไม่ว่าจะเป็นขนาดหน้าตัดของคาน เหล็กเสริมหลัก เหล็กเสริมพิเศษ เหล็กปลอก นอกจากนั้นระดับอ้างอิงที่หลังคานเป็นสิ่งหนึ่งที่ควรจะระบุไว้ เมื่อทำการก่อสร้างจริงจะสามารถอ้างอิงได้ถูกต้อง

        เสาคอนกรีตเสริมเหล็ก
            โครงสร้างของอาคารบ้านพักอาศัยโดยทั่วไปที่นิยมปลูกสร้างในประเทศไทยจะเป็นระบบโครงสร้างที่ใช้คานและเสารับน้ำหนัก จะมีการก่อสร้างอยู่บ้าง แต่เมื่อเทียบกับระบบข้างต้นแล้วถือว่ามีจำนวนน้อยมาก ลักษณะของเสาที่ใช้เป็นโครงสร้างของบ้านของบ้านจะประกอบด้วยส่วนของคอนกรีตและเหล็กเสริมขนาดเส้นผ่าศูนย์กลางของเหล้กเสริมที่ใช้เป็นส่วนประกอบของเสาจะต้องมีขนาดตั้งแต่ 12 มิลลิเมตรขึ้นไป โดยจะใชเหล็กขนาด 6 และ 9 มิลลิเมตร สำหรับทำเป็นเหล็กปลอก เสาสำหรับบ้านพักอาศัยจำนวนมากมักมีหน้าตัดเป็นสี่เหลี่ยมจตุรัส แต่อย่างไรก็ตามก็มีรูปแบบอื่นได้ ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับการออกแบบของวิศวกรที่ให้เป็นไปตามลักษณะทางสถาปัตยกรรมที่สถาปนิกได้ออกแบบไว้ก่อนแล้ว สำหรับตำแหน่งของผังเสาจะอ้างอิงจากผังของฐานรากประกอบ เจ้าของบ้านควรใช้แบบแปลนประกอบในระหว่างผู้รับเหมาดำเนินการ ไม่ใช่เทคอนกรีตไปแล้วจึงมาตรวจสอบการวางคาน

        คานคอนกรีตเสริมเหล็ก
            นอกจากคานคอดินตามที่ได้กล่าวไว้ในตอนต้นแล้ว โครงสร้างของบ้านยังต้องมีคานคอนกรีตเสริมเหล็กเข้ามาเป็นส่วนประกอบด้วย โดยคานจะยึดระหว่างเสาเพื่อรองรับน้ำหนักจากผนังและพื้นตามที่ผู้ออกแบบได้กำหนดไว้ ในต่างประเทศอาจมีการออกแบบเป็นระบบกำแพงรับน้ำหนักทำให้ความสำคัญของคานนั้นลดน้อยลง แต่สำหรับประเทศไทยแล้วยังเป็นที่นิยมอยู่มากในการออกแบบระบบการรับน้ำหนักด้วยเสาและคาน คานที่ใช้สำหรับการก่อสร้างจะเป็นคานคอนกรีตเสริมเหล็กที่มีหน้าตัดเป็นสี่เหลี่ยมผืนผ้า โดยมีความกว้างของคานไม่มากกว่าหน้าตักเสาที่คานเข้าไปยึดติด

        พื้นคอนกรีตเสริมเหล็ก
            พื้นคอนกรีตเสริมเหล็กที่ใช้ในการก่อสร้างบ้านพักอาศัยที่นิยมใช้กันทั่วไปมี 2 ชนิดด้วยกัน คือพื้นสำเร็จวางบนคาน (Slab on Beam) และพื้นชนิดวางบนดิน (Slab on Ground) การก่อสร้างพื้นทั้ง 2 ชนิดนี้ มีขั้นตอนในการก่อสร้างที่ไม่ซับซ้อนมากนัก ช่างก่อสร้างมีความชำนาญในการทำงาน นอกจากนั้นวิวัฒนาการทางด้านวิศวกรรมโยธาและกรรมวิธีการผลิตแผ่นพื้นมีการผลิตแผ่นพื้นสำเร็จสำหรับการก่อสร้างที่ต้องการช่วงความยาวมากกว่า 5 เมตร ซึ่งมีการก่อสร้างเป็น Hollow Core Slab ทำให้มีน้ำหนักเบา และสามารถรองรับน้ำหนักจรและน้ำหนักคงที่ได้ตามที่กฎหมายกำหนด อย่างไรก็ตามในกรณีที่ผู้ออกแบบกำหนดคุณสมบัติของแผ่นพื้นไว้ เจ้าของบ้านจำเป็นต้องหาข้อมูลรายละเอียดการติดตั้งจากแหล่งผลิตเพื่อให้ครอบคลุมในการก่อสร้าง อย่างไรก็ตามสำหรับพื้นคอนกรีตเสริมเหล็กที่ใช้สำหรับบ้านพักอาศัยที่มีใช้กันโดยทั่วไปมีอยู่ 2 ชนิดตามที่กล่าวไว้ในตอนต้นซึ่งมีรายละเอียดของแต่ละชนิดดังต่อไปนี้
        •    พื้นสำเร็จวางบนคาน (Slab on Beam)  :  พื้นชนิดนี้เป็นพื้นที่มีการถ่ายแรงลงสู่โครงสร้างอาคารในแนวเดียวลงสู่คานที่ได้ออกแบบไว้สำหรับรับน้ำหนักจากแผ่นพื้น ซึ่งจะมีความยาวของแผ่นพื้นโดยทั่วไปตั้งแต่ 2 – 5 เมตร และมีความกว้างของแต่ละแผ่นประมาณ 30 เซนติเมตร ในการก่อสร้างจะวางบนคานหลัง จากนั้นจะเทคอนกรีตทับด้านบนของแผ่นพื้นโดยมีความหนาประมาณ 5 เซนติเมคร สิ่งสำคัญในการติดตั้งแผ่นพื้นและการเทคอนกรีตทับก็คือการติดตั้งนั่งร้านชั่วคราวสำหรับรองรับน้ำหนักก่อนที่แผ่นพื้นจะสามารถรับน้ำหนักได้เอง
        •    พื้นชนิดวางบนดิน (Slab on Ground)  :  การก่อสร้างบ้านพักอาศัยที่มี         2 ชั้น ในกรณีที่มีพื้นชั้นล่างอยู่ในระดับพื้นดิน สามารถเลือกก่อสร้างพื้นชั้นล่างด้วยการใช้พื้นชนิดนี้ได้ แต่อย่างไรก็ตามจำเป็นต้องมีคานคอดินสำหรับป้องกันการเคลื่อนตัวของดินในด้านข้าง และมีการบดอัดดินที่ถมเข้ามาในอาคารที่เพียงพอ หากพื้นที่ก่อสร้างอยู่ในสภาพดินอ่อนหรือมีการทรุดตัวของดินในบริเวณข้างเคียงสถานที่ที่จะทำการก่อสร้าง เราไม่ควรใช้พื้นชนิดนี้ซึ่งจะมีผลเสียต่อโครงสร้างของพื้นในระยะยาวได้ แบบแปลนที่ดีจะต้องกำหนดรายละเอียดประกอบแบบให้ชัดเจนถึงการบดอัดดินถม รายละเอียดของเหล็กเสริมที่ใช้ในพื้นชนิดนี้จะเป็นเพียงเหล็กตะแกรงซึ่งเป็นม้วนสำเร็จ หรือเหล็กเส้นขนาดเส้นผ่าศูนย์กลาง 6 มิลลิเมตรก็ได้ โดยการเสริมเหล็กจะวางด้านบนของความหนาของพื้นคอนกรีตเนื่องจากเป็นเหล็กเสริมป้องกันการแตกร้าว

        บันได
            ส่วนประกอบสำคัญของบ้านอีกส่วนหนึ่งก็คือ บันได เราควรประสานงานกับผู้ออกแบบให้ดีถึงการจัดวางตำแหน่งของบันได้ตลอดจนการกำหนดขนาดของขั้นบันไดและชานพัก เพื่อให้สัมพันธ์กับระดับความสูงของอาคารซึ่งจะช่วยให้ลดความผิดพลาดในการก่อสร้างได้เป็นอย่างดี กรณีที่มีการออกแบบเป็นบันไดคอนกรีตเสริมเหล็กก็ควรเผื่อระยะของวัสดุตกแต่งผิวไว้ด้วย การเสริมเหล็กเสริมบันไดควรมีการระบุขนาดและระยะการจัดวางให้ชัดเจนในแบบแสดงรูปตัดบันได กรณีที่เป็นบันไดไม้หรือขั้นบันไดไม้แต่มีโครงสร้างเป็นเหล็กรูปพรรณก็ควรมีภาพแสดงการยึดรอยต่อและภาพแสดงการจัดวางโครงสร้างประกอบด้วย

        ผนังหรือกำแพง
            สิ่งหนึ่งที่จะต้องระบุในแบบก็คือ สิ่งที่เกี่ยวข้องกับผนัง การระบุชนิดของวัสดุที่ใช้ในการก่อสร้างผนังให้ชัดเจน ไม่ว่าจะเป็นผนังภายนอกอาคารหรือภายในอาคาร เนื่องจากบางครั้งผู้ออกแบบกำหนดชนิดของวัสดุที่แตกต่างกัน เช่น ผนังภายนอกกำหนดเป็นก่ออิฐฉาบปูน ผนังกั้นห้องภายในบ้านกำหนดเป็นวีว่าบอร์ด เป็นต้น ดังนั้น เจ้าของบ้านจำเป็นต้องศึกษาชนิดของวัสดุผนังควบคู่ไปด้วยและเลือกออกมาให้ถูกใจก่อนที่จะเริ่มการก่อสร้าง เนื่องจากวัสดุที่ใช้ในการก่อสร้างผนังนั้นมีการปรับปรุงการผลิตวัสดุให้มีความแตกต่าง และหลากหลายเป็นอย่างมากเมื่อเทียบกับโครงสร้างส่วนอื่นๆ

        โครงหลังคา
            โครงหลังคาในปัจจุบันนิยมออกแบบโครงสร้างรับน้ำหนักหลังคาเป็นเหล็กรูปพรรณ เนื่องจากก่อสร้างได้ง่าย ผู้ออกแบบจำเป็นต้องระบุรายละเอียดของการต่อเชื่อมและจุดต่อยึดให้ดี ทั้งนี้การออกแบบที่สมบูรณ์เมื่อนำไปก่อสร้างจึงไม่เกิดข้อโต้แย้งระหว่างผู้ออกแบบกับผู้รับเหมา ซึ่งการออกแบบโครงสร้างเหล็กไม่มีเพียงการกำหนดขนาดของเหล็กเท่านั้น การออกแบบและตรวจสอบรอยต่อและจุดยึดก็มีความสำคัญมากเช่นกัน สำหรับโครงหลังคานอกจากการจัดวางโครงสร้างของเหล็กตามที่ผู้ออกแบบกำหนด ในส่วนของโครงคร่าวรองรับหลังคาจะต้องมีการออกแบบให้เป็นไปตามข้อกำหนดในการจัดวางตำแหน่งโครงคร่าวจากผู้ผลิตวัสดุมุงหลังคาที่เราได้เลือกไว้ นอกจากนั้น การกำหนดรายละเอียดของงานทาสีกันสนิมเหล็กและสีจริงก็เป็นสิ่งจำเป็นที่ไม่ควรมองข้าม ซึ่งจำเป็นต้องกำหนดให้ทาสีแต่ละชนิดอย่างน้อยไม่ต่ำกว่า 2 ขั้น ทั้งสีกันสนิมและสีจริง เมื่อเลือกวัสดุมุงหลังคาแล้วอย่าลืมขอข้อกำหนดที่ใช้ในการติดตั้งวัสดุจากผู้ผลิตมาด้วย

        Tuesday, April 27, 2010

        เสาเข็มประเภทต่าง


             ร้านได้จัดจำหน่ายวัสดุประเภทเสาเข็มที่มีคุณภาพเพื่อให้ลูกค้าสามารถนำเสาเข็มไปสร้างอาคารและหรือที่อยู่อาศัยได้อย่างมั่นคงแข็งแรง ซึ่งทางร้านได้นำเสาเข็มหลากหลายประเภทนำมานำเสนอให้แก่ลูกค้าทุกท่านได้เลือกใช้ได้อย่างเหมาะสม โดยลูกค้าสามารถศึกษาข้อมูลสำหรับการเลือกใช้เสาเข็มได้ตามที่ผลิตภัณฑ์เสาเข็มประเภทงานนั้น ๆ หรือถ้าลูกค้าต้องการข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์ลูกค้าสามารถเมล์กลับมาได้ืัที่ net1718@hotmail.com ทางร้านจะรีบตอบคำถามสำหรับลูกค้าทุกท่านไม่เกิน 24 ชั่วโมง.

             เสาเข็มเป็นส่วนสำคัญมากที่สุดส่วนหนึ่งของการก่อสร้างทุกประเภท เหตุเพราะถ้าเสาเข็มคุณภาพไม่ดีหรือไม่ไ้ด้คุณภาพตามหลักทางวิศวกรรมแล้วอาจจะทำให้เกิดปัญหามากมายตามมาในงานก่อสร้างทุกประเภท ดังนั้น การเลือกใช้เสาเข็มที่ถูกต้องตามประเภทงานจะทำให้งานก่อสร้างนั้น ๆ ทำงานได้อย่างราบรื่นและปัญหาจะเกิดน้อยที่สุด เพราะโดยปกติการใช้เสาเข็มประเภทใดนั้น ทางวิศวกรจะเป็นผู้คำนวณเสาเข็มประเภทนั้น ๆ ตามแต่ประเภทก่อสร้างนั้น ๆ ได้เป็นอย่างดี ซึ่งเราสามารถแบ่งเสาเข็ม ออกได้เป็นประเภทต่าง ๆ ดังต่อไปนี้

            เสาเข็มเจาะ หมายถึง  การนำเสาเข็มไปเจาะลงบนดิน เพราะสามารถช่วยลดมลภาวะทางเสียงและยังช่วยป้องกันการพังทลายของหน้าดินจากพื้นที่ข้างเคียงได้เป็นอย่างดี

            เสาเข็มตอก หมายถึง การนำเสาเข็มไปตอกลงบนดิน ส่วนใหญ่นำไปใช้ในงานก่อสร้างหลากหลายขนาด เช่น การก่อสร้างบ้าน, การก่อสร้างอาคารขนาดใหญ่ เป็นต้น

            เสาเข็มกด   หมายถึง การนำเสาเข็มขนาด 2 - 4 เมตร ไปกดลงบนดิน เพื่อนำไปปลูกสิ่งก่อสร้าง เช่่น รั้วรอบบ้าน, งานต่อเติมขนาดเล็ก เป็นต้น

        Friday, April 23, 2010

        รับเหมางานติดตั้งงานระบบรักษาความปลอดภัย

             PRC ENGINEERING มีช่างที่สามารถออกแบบและติดตั้งระบบรักษาความปลอดภัยหลากหลายประเภท ดังต่อไปนี้
        • ระบบกล้องวงจรปิด (CCTV)
        • ระบบคีย์การ์ดหรือคีย์แท็ค (Key Card or Key Tag)
        • ระบบแจ้งเตือนไฟไหม้ (Fire Alarm) ในบ้าน, ออฟฟิส, อาคารหรือโรงงาน เป็นต้น
        • ระบบป้องกันการโจรกรรม (Home Security) ใน้บาน, ออฟฟิส, อาคารหรือโรงงาน เป็นต้น
             PRC ENGINEERING มีช่างที่มีประสบการ์ณการทำงานระบบรักษาความปลอดภัยหลายหลายประเภทหรือสามารถออกแบบประยุกต์ใช้งานร่วมกันหลายรูปแบบ ซึ่งลูกค้าสามารถร่วมออกแบบระบบรักษาความปลอดภัยได้อีกด้้วย

             ถ้าลูกค้าท่านใดสนใจโปรดติดต่อเพื่อสอบถามได้ที่เบอร์มือถือ 082-593-5963, อีเมล์ prcconstruction1975@gmail.com


        ลักษณะการทำงาน:

        • ดูหน้าไซต์งานของลูกค้า
        • นำเสนอราคางานแก่ลูกค้า
        • มัดจำก่อน 30% (* ขึ้นกับลักษณะงานเท่านั้น)
        • เริ่มเข้าทำงานภายในไซต์ของลูกค้าภายในระยะเวลาอย่างน้อย 3 วัน (* ขึ้นอยู่กับการตกลงที่หน้าไซท์งานของลูกค้า)

        รับเหมางานติดตั้งงานสถาปัตรกรรม

             PRC ENGINEERING มีช่างซึ่งเป็นกลุ่มช่างที่มีประสบการณ์ในการออกแบบและติดตั้งงานสถาปัตยกรรมทุกประเภท ดังเช่น
        • การทำงานประเภทอลูมิเนียม เช่น ราวกันตก, ประตู เป็นต้น
        • การทำงานประเภทโครงหลังคาและติดตั้งหลังคา เช่น โพลีคาร์บอเนต, เมทัลชีท เป็นต้น
        • การทำงานประเภทติดตั้งอลูมิเนียมคอมโพสิท, อลูมิเนียมแคลดดิ้ง เป็นต้น
        ถ้าลูกค้าท่านใดสนใจโปรดติดต่อเพื่อสอบถามได้ที่เบอร์มือถือ 082-593-5963, อีเมล์ prcconstruction1975@gmail.com

        ลักษณะการทำงาน:
        • ดูหน้าไซต์งานของลูกค้า
        • นำเสนอราคางานแก่ลูกค้า
        • มัดจำก่อน 30% (* ขึ้นกับลักษณะงานเท่านั้น)
        • เริ่มเข้าทำงานภายในไซต์ของลูกค้าภายในระยะเวลาอย่างน้อย 3 วัน (* ขึ้นอยู่กับการตกลงที่หน้าไซท์งานของลูกค้า)

        รับเหมางานติดตั้งงานระบบปรับอากาศ

             PRC ENGINEERING มีช่างติดตั้งระบบเครื่องปรับอากาศซึ่งเป็นกลุ่มช่างที่มีประสบการณ์ในการทำงานและเคยผ่านงานประเภท บ้าน, ออฟฟิส, อาคารสูง และ โรงงานมาแล้วทั้งสิ้น
             ประเภทงานที่ PRC ENGINEERING รับทำ มีดังต่อไปนี้

        • งานติดตั้งเครื่องปรับอากาศในบ้าน, ออฟฟิส, อาคาร, สถานศึกษา เป็นต้น
        • งานแก้ไขปัญหาเครื่องปรับอากาศในบ้าน, ออฟฟิส, อาคาร, สถานศึกษา เป็นต้น
        ถ้าลูกค้าท่านใดสนใจโปรดติดต่อเพื่อสอบถามได้ที่เบอร์มือถือ 082-593-5963, อีเมล์ prcconstruction1975@gmail.com

        ลักษณะการทำงาน:
        • ดูหน้าไซต์งานของลูกค้า
        • นำเสนอราคางานแก่ลูกค้า
        • มัดจำก่อน 30% (* ขึ้นกับลักษณะงานเท่านั้น)
        • เริ่มเข้าทำงานภายในไซต์ของลูกค้าภายในระยะเวลาอย่างน้อย 3 วัน (* ขึ้นอยู่กับการตกลงที่หน้าไซท์งานของลูกค้า)

        รับเหมางานติดตั้งงานระบบงานสุขาภิบาล

             PRC ENGINEERING  มีช่างติดตั้งระบบงานสุขาภิบาล ประเภทงานที่ติดตั้งสำหรับระบบสุขาภิบาล มีดังต่อไปนี้

        ติดตั้งระบบรางระบายน้ำ, ท่อน้ำทิ้ง, บ่อพัก, ท่อประปา, ถังบำบัดน้ำเสีย, ท่อระบายน้ำ, ท่อส้วม เป็นต้น
             PRC ENGINEERING มีช่างที่ชำนาญด้านการติดตั้งและแก้ไขปัญหาระบบบำบัดน้ำเสีย ซึ่งลูกค้าท่านใดสนใจสามารถสอบถามปัญหาผ่านทางอีเมล์ prcconstruction1975@gmail.com หรือที่เบอร์มือถือ 082-593-5963 ได้เลยครับ

        ลักษณะการทำงาน:
        • ดูหน้าไซต์งานของลูกค้า
        • นำเสนอราคางานแก่ลูกค้า
        • ทำสัญญาการติดตั้งระบบสุขาภิบาลระหว่าง ช่างและลูกค้า
        • มัดจำก่อน 30% (* ขึ้นกับลักษณะงานเท่านั้น)
        • เริ่มเข้าทำงานภายในไซต์ของลูกค้าภายในระยะเวลาอย่างน้อย 3 วัน (* ขึ้นอยู่กับการตกลงที่หน้าไซท์งานของลูกค้า)

        รับเหมางานติดตั้งและงานระบบไฟฟ้าประเภทต่าง ๆ

             PRC ENGINEERING มีทีมงานที่ชำนาญเกี่ยวด้านการออกแบบและติดตั้งระบไฟฟ้าโดยเฉพาะ นอกจากนั้นในทีมงานยังประกอบไปด้วยทีมช่างไฟฟ้าที่มีประสบการณ์ด้านการติดตั้งและแก้ไขปัญหาทางไฟฟ้า แก่ลูกค้าทั้งชาวไทยและชาวต่าง ชาติ เป็นต้น
             ประสบการณ์ที่ทางช่างไฟฟ้าของ PRC ENGINEERING ผ่านมานั้นมีดังต่อไปนี้
        • งานระบบไฟฟ้าของธนาคาร
        • งานระับบไฟฟ้าของบริษัทเอกชน เช่น บริษัทประกันชีวิต เป็นต้น
        • งานระบไฟฟ้าของบริษัทต่างชาติ เช่น บริษัท ROHM เป็นต้น
        • งานระบบไฟฟ้าของรัฐบาล เช่น กรมทีดิน เป็นต้น
            ถ้าลูกค้าท่านใดสนใจโปรดติดต่อเพื่อสอบถามได้ที่เบอร์มือถือ 082-593-5963, อีเมล์ prcconstruction1975@gmail.com

            ลักษณะการทำงาน:

        • ดูหน้าไซต์งานของลูกค้า
        • นำเสนอราคางานแก่ลูกค้า
        • ทำสัญญาการติดตั้งระบบไฟฟ้าระหว่าง ช่างและลูกค้า
        • มัดจำก่อน 30% (* ขึ้นกับลักษณะงานเท่านั้น)
        • เริ่มเข้าทำงานภายในไซต์ของลูกค้าภายในระยะเวลาอย่างน้อย 3 วัน (* ขึ้นอยู่กับการตกลงที่หน้าไซท์งานของลูกค้า)

        ข่าวแวดวงก่อสร้าง